วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ยอดผลิตรถยนต์เดือนพ.ย.ทรุดตัวต่ำสุดในรอบ 7 เดือน


ยอดการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือนพ.ย. 2556 มีทั้งสิ้น 182,818 คัน ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ลดลงจากเดือนพ.ย. 2555 ร้อยละ 28.75 และลดลงจากเดือนต.ค. 2556 ร้อยละ 1.24
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดการผลิตในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ามีทั้งสิ้น 2,298,193 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.95%
สำหรับเป้าหมายการผลิตในปีนี้ที่วางไว้ที่ 2.55 ล้านคันคงไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่หากยอดการผลิตในเดือนธ.ค.สามารถทำได้ที่ระดับ 2 แสนคัน ประเทศไทยก็จะมีการผลิตรถยนต์ที่ระดับ 2.5 ล้านคัน
“เดือน พ.ย.การผลิตรถยนต์ต่ำเนื่องจากยอดขายในประเทศอยู่เพียง 93,123 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 37.2%เกิดจากการหมดโครงการรถคันแรก และอีกส่วนรอซื้อในงานมหกรรมยานยนต์ คงจะต้องดูในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งทั้งปีคงทำได้ในระดับ 1.3 ล้านคัน ส่วนปีหน้ายอดขายในประเทศก็น่าจะต่ำ 1.3 ล้านคัน ส่วนส่งออกจะอยู่ที่ 1.25 ล้านคัน”

เอ็มเอ็มที ส่งแบตเตอรี่ไฮเทคเอาใจรถยนต์พ่วงระบบออโต้สตาร์ท-สต๊อป


มาสเตอร์ มอเตอร์ เทรดดิ้ง หรือ เอ็มเอ็มที จับมือโรเบิร์ต บ๊อช ประเทศไทย เปิดตัว บ๊อช ไฮเทค เอจีเอ็ม แบตเตอรี่ สตาร์ท-สต๊อป เทคโนโลยีเป็นรายที่ 2 ของประเทศไทย หวังเอาใจรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีออโต้สตาร์ท-สต๊อป
ก้องเกียรติ ทีฆมงคล กรรมการผู้จัดการ เอ็มเอ็มที ตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รถยนต์บ๊อชในประเทศไทยในเครือมาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) เปิดเผยว่าความต้องการแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์กลุ่มนี้มีมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ยุโรปและรถยนต์หรูหรา ซึ่งน่าจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนขึ้นในอนาคตอันใกล้
สำหรับแบตเตอรี่รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการประจุไฟกลับได้อย่างรวดเร็ว โดยเริ่มทำตลาดขนาด 80 และ 95 แอมป์ ที่ราคาจำหน่าย 1-1.5 หมื่นบาท ซึ่งหากเทียบกับราคาที่ตั้งในศูนย์บริการสำหรับรถยนต์โดยเฉพาะแล้ว จะมีราคาถูกกว่าราว 20%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะนำเข้าแบตเตอรี่ขนาด 50, 60 และ 70 แอมป์ สำหรับรถยนต์นั่งอีโคคาร์และรถยนต์นั่งขนาดเล็กเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมในช่วงปี 2558 แต่ยอมรับว่าจำเป็นที่จะต้องให้ความรู้กับตลาดเกี่ยวกับคุณสมบัติและความต้องการในการเลือกใช้งานเสียก่อน
“กลุ่มลูกค้าหลักที่จะแบตเตอรี่ดังกล่าวจะเป็นกลุ่มรถยนต์หรูหราที่ระบบดังกล่าวเป็นระบบพื้นฐานในปัจจุบัน ซึ่งตัวแทนจำหน่ายของเรามีการขายสินค้าให้กับศูนย์ที่ให้บริการลูกค้ากลุ่มนี้ ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กแม้จะมีรถยนต์ที่ใช้งานเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีกระยะ”

Mercedes-Benz ตอกกลับ Jaguar เบาๆ เตือนเสือจากัวร์เชื่องช้าระวังถูกรถทับ


เรียกว่าแลกกันคนละหมัดเลยทีเดียว สำหรับการปล่อยโฆษณาของสองค่ายรถหรู Mercedes-Benz และ Jaguar หลังจากเรารายงานไปว่า Jaguar แซวโฆษณาไก่ของ S-Class ล่าสุดแบรนด์ดาวสามแฉกกัดกลับแบบเบาๆว่าเสือจากัวร์ก็ยังช้ากว่าเทคโนโลยีจากเยอรมัน

โฆษณาชิ้นนี้เน้นระบบเบรก Pre-Safe ของ Mercedes-Benz ที่มีปฏิกิริยาที่รวดเร็วกว่าเสือจากัวร์ โดยมีคำโปรยว่า “Because cat-like reflexes aren’t fast enough” หรือ “แมว (เสือ) มีปฏิกิริยาที่ไม่รวดเร็วเพียงพอ” นั่นทำให้แบรนด์รถยนต์จากเยอรมันต้องติดตั้งระบบเบรกที่ทำงานได้เร็วกว่า มิฉะนั้นเสือจากัวร์ที่เชื่องช้าอาจถูกรถทับเอาได้ถ้ามาวิ่งตัดหน้า

ถือว่าเป็นการตอบกลับแบบนิ่มๆ ที่ทำให้ Mercedes-Benz ได้โชว์อีกหนึ่งเทคโนโลยีในตัวรถ ซึ่งอาจทำเอาทีมการตลาดของ Jaguar นิ่งอึ้งไปในเวลานี้

เคล็ดลับขับปลอดภัยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองพร้อมกันทั่วโลกสำหรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หลายคนมักออกเดินทางทั้งท่องเที่ยวและกลับบ้านตามภูมิลำเนา บางคนวางแผนการเดินทางหน้าหลายเดือนเพื่อแสวงหาความสุขในช่วงวันหยุดยาวเช่นนี้



แต่อย่าลืมว่านอกจากเราและครอบครัวแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมทางอีกมากมายที่ออกเดินทางพร้อมกัน ความวุ่นวายบนท้องถนนจึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราขอแนะนำเคล็ดลับสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย มีความสุขและกลับมาทำงานอย่างราบรื่นมาฝากกัน

ตรวจสอบความพร้อมของรถ
การตรวจสอบรถก่อนเดินทางถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรคำนึงถึง ตัวรถก็เหมือนกับคนซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันเสื่อมสภาพจนกว่ามันจะแสดงอาการซึ่งส่วนใหญ่มักสายเกินแก้แล้ว ดังนั้นควรจะตรวจสอบตัวรถให้อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนใช้งานทางไกล หลายค่ายรถมักเสนอบริการตรวจเช็ครถฟรีในช่วงเทศกาลปีใหม่หรือสงกรานต์ ดังนั้นควรจะนำรถเข้าตรวจสอบเสียก่อนซึ่งตอนนี้ยังทันก่อนถึงเทศกาลปีใหม่

เตรียมอุปกรณ์สำรองให้พร้อม
ไม่เพียงการตรวจเช็คตัวรถเท่านั้น แต่การเตรียมความพร้อมอุปกรณ์ต่างๆก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งยางอะไหล่และเครื่องมือเครื่องไม้ที่จำเป็นควรอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ทันทีเพราะเราไม่มีทางรู้ว่าจะมีเหตุสุดวิสัยใดเกิดขึ้นบ้างระหว่างการเดินทาง อาทิ ยางแบนหรือแตก



วางแผนเส้นทาง
หากมีการวางแผนเส้นทางท่องเที่ยวหรือการเดินทางที่เหมาะสม รวมถึงกำหนดช่วงเวลาการออกเดินทางอย่างรอบคอบ คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงหรือบรรเทาความน่าเบื่อของการจราจรที่ติดขัดได้ การเลือกออกเดินทางล่วงหน้าสัก 1 – 2 วันก่อนวันหยุดยาวทำให้คุณไม่ต้องพบกับความหนาแน่นบนท้องถนน ขณะเดียวกัน ควรวางแผนการแวะตามสถานที่ท่องเที่ยวให้ดีเพราะช่วงสิ้นปีคนย่อมพลุกพล่านแน่นอน

เพิ่มอรรถรสความบันเทิงระหว่างเดินทาง
การขับขี่รถทางไกลอาจให้ทั้งความสนุกและน่าเบื่อสลับกันไปได้ เราขอแนะนำให้เตรียมเพลงโปรดไว้ให้พร้อม อาจเป็นภาพยนตร์หรือซีรีย์ดีๆสักชุดในกรณีที่เดินทางด้วยรถตู้ แต่เราขอเน้นย้ำให้คนขับมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา



เตรียมเครื่องดื่มแก้ง่วง
การขับรถทางไกลสร้างความเมื่อยล้าและนำมาซึ่งความง่วงนอน การดื่มน้ำอย่างพอเหมาะช่วยให้ร่างกายมีความสดชื่น ขณะที่กาแฟ ชาหรือเครื่องดื่มอื่นๆ ยังช่วยกระตุ้นร่างกายได้ ดังนั้นควรเตรียมติดรถไว้ให้พร้อม นอกจากนี้ ขนมขบเคี้ยวยังช่วยให้คลายความง่วงได้เช่นกัน แต่ถ้ารู้สึกเพลียมากให้จอดพักตามปั๊มน้ำมันก่อนออกเดินทางต่อไป

วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

GM ทุ่ม 1,300 ล้านเหรียญฯ อัพเกรดสายการผลิตเครื่องยนต์และเกียร์ 10 สปีด


General Motors ประกาศแผนการใหญ่ ทุ่มเงินกว่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 41,000 ล้านบาท ปรับปรุงโรงงานผลิตรถยนต์และเกียร์ทั้งหมด 5 แห่งทั้งในมิชิแกน โอไฮโอและอินเดียน่า

เงินลงทุนส่วนใหญ่จะใช้ในการปรับปรุงโรงงานผลิตและระบบการขนส่ง โดยเฉพาะสายการผลิตเครื่องยนต์ V6 บล็อกใหม่ล่าสุดและระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดที่จะเป็นอนาคตในระบบขับเคลื่อนของรถเครือ GM อย่าง Chevrolet และ Cadillac ในอนาคต

“GM มุ่งมั่นในการยกระดับสายการผลิตและสร้างตำแหน่งงานอีกมากมายทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา การอัพเกรดศูนย์การผลิตในครั้งนี้ถือเป็นการกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศครั้งใหญ่” Mark Reuss ประธานกรรมการ GM อเมริกาเหนือ กล่าว “ยิ่งไปกว่านั้นการลงทุนครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มคุณภาพและความประหยัดเชื้อเพลิงของยานยนต์สำหรับลูกค้าของเรา”

จากเงินลงทุนกว่า 1,300 ล้านเหรียญฯ ยักษ์ใหญ่จากดีทรอยท์จะใช้ราว 493 ล้านเหรียญฯ ในการยกระดับสายการผลิตเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดซึ่งพัฒนาร่วมกับ Ford โดยเกียร์ลูกใหม่ล่าสุดนี้จะติดตั้งอยู่ในรถขับเคลื่อนล้อหลังโดยเฉพาะ

ตลาดรถปัจจัยลบเพียบ ยอดหดตัวตามคาดการณ์

ไม่มีเซอร์ไพร์สอะไรทั้งสิ้นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยในปี 2556 เมื่อยอดจำหน่ายรถยนต์มีแนวโน้มว่าจะทำได้ที่ระดับ 1.25 ล้านคันบวกเล็กน้อย หลังเจอสถานการณ์ทางด้านการเมืองอย่างรุนแรงในช่วง 2-3 เดือนสุดท้าย



ยอดจำหน่ายรถยนต์ 1,216,391 คันในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ คือสถิติที่ต้องบอกว่าดีเกินคาด และน่าจะเป็นตัวพยุงให้สถานการณ์ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยสามารถผ่านแรงต้านที่ระดับ 1.25 ล้านคันไปได้ไม่ยาก

ตัวเลขยอดจำหน่ายที่หดตัวลงมาจาก 1.4 ล้านคันในปีก่อนหน้านี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่มีการคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีอยู่แล้ว เนื่องจากมีการประเมินว่าการเติบโตในปีที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจากตลาดรถยนต์ถูกแทรกแซงโดยนโยบายภาครัฐ

และแม้จะมีการปลอบใจตัวเองว่าด้วยยอดจำหน่ายในประเทศมากกว่า 1 ล้านคัน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากมองดูองค์ประกอบอื่น ๆ ของอุตสาหกรรมยานยนต์ ก็จะพบว่ามีปัจจัยที่น่าจะต้องเป็นห่วงอยู่หลายประการ

หนึ่งในนั้นก็คือยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศ ที่เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะไม่สามารถรักษาเป้าหมายการผลิตที่ 2.55 ล้านคันในปีนี้เอาไว้ได้อย่างแน่นอน และยังต้องมาลุ้นหนักเพื่อที่จะให้ผ่านระดับ 2.5 ล้านคันไปได้


11 เดือนแรกของปีนี้ ประเทศไทยมีการผลิตรถยนต์ไปแล้ว 2,298,193 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ แต่การพลาดเป้าหมายการผลิตที่วางเอาไว้ ก็เป็นปัจจัยที่ให้เห็นถึงความยากลำบากในการผลักดันตลาดของผู้ประกอบการ

การผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงไปจากปีที่ผ่านมา 2.54% ซึ่งแน่นอนว่าการเพิ่มขึ้นก็มาจากการเติบโตของการผลิตเพื่อการส่งออก ที่ในช่วงที่ผ่านมาของปีทำยอดการผลิตไปได้แล้วมากกว่า 1 ล้านคัน

แน่นอนว่าเมื่อการผลิตเพิ่มขึ้น ยอดการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปก็เพิ่มขึ้นตาม ทำให้เดือนม.ค.-พ.ย.ของปีนี้ ประเทศไทยส่งออกรถยนต์ไปแล้วมากกว่า 1 ล้านคัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกเกือบ 7 แสนล้านบาท

การเติบโตของมูลค่าการส่งออกมีสัดส่วนที่น้อยกว่าการเติบโตทางด้านปริมาณการส่งออก ทำให้เข้าใจได้ว่ารถยนต์ที่มีการส่งออกจากประเทศไทยนั้น มีราคาจำหน่ายที่ถูกลง และแน่นอนว่ามาจากรถยนต์ในโครงการอีโคคาร์และรถยนต์กลุ่มบี-เซกเมนต์เป็นหลัก

ในเดือนธ.ค.ที่เหลือของปี มีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีการผลิตรถยนต์เพิ่มอีกประมาณ 1.8 ล้านคัน บวกลบคูณหารแล้ว ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้ น่าจะปิดลงที่ระดับ 2.45-2.5 ล้านคัน น้อยกว่าที่คาดการณ์อย่างแน่นอน


ขณะที่ยอดการจำหน่ายในประเทศ ก็น่าจะวิ่งผ่านระดับ 1.25 ล้านคันไปได้ไม่ยาก แม้ว่ายอดจองรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์จะไม่ค่อยสดใส แต่บุญเก่าของค่ายรถที่กินกันมานานกว่าครึ่งปีกับโครงการรถยนต์คันแรก ก็น่าจะทำให้ตลาดไม่เลวร้ายมากนัก

แต่อย่าไปคาดหวังถึงระดับ 1.3 ล้านคันเลยในปีนี้ บอกตรง ๆ ว่าเหนื่อยมาก และค่ายรถเองก็คงเริ่มเหนื่อยกับการอัดแคมเปญโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานทั้งปีแล้ว

เปิดตัว Mark Webber นักขับ Porsche LMP1 ปี 2014 ในการแข่งขัน Sports Car World Endurance Championship (WEC) และ Le Mans 24 Hours

ในช่วงต้นปี 2014 Porsche จะส่งรถแข่ง LMP1 ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะชั้นยอดลงแข่งในรายการแข่งขัน sports car World Endurance Championship (WEC) จำนวน 2 คัน ช่วงต้นเดือนเมษายน 2014 รวมถึงการแข่งขัน Le Mans 24 Hours ที่เป็นไฮไลท์ของฤดูกาลแข่งขันอีกด้วย



ทาง WEC มีกฎระเบียบการแข่งว่า โรงงานผลิตรถต้องใช้รถที่มีเครื่องยนต์ไฮบริดในคลาสรถที่สูงที่สุดสำหรับ Le Mans Prototypes (LMP1) และในขั้นตอนการพัฒนานั้น รถแข่ง LMP1 รุ่นใหม่ทั้งหมดนี้จึงมีจุดเด่นที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพสูง ประหยัด อีกทั้งวิศวกรของปอร์เช่ยังพบกับความท้าทายอย่างมาก และทางออกของพวกเขาที่จะแก้ไขมีเพียงทางเดียว คือการใช้นวัตกรรมที่ล้ำสมัยและเหนือชั้นเท่านั้น ดังนั้นรถแข่งคันนี้จึงมาพร้อมกับระบบไฮบริดที่มีเครื่องยนต์เผาไหม้แบบ 4 สูบ มาพร้อมกับระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง และระบบหมุนเวียนพลังงาน 2 ระบบ พลังงานที่ถูกเรียกกลับมาใช้จะเก็บอยู่ในแบตเตอรี่ จนกระทั่งถูกเรียกมาใช้โดยผู้ขับขี่ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังจะให้พลังงานการขับเคลื่อนเพิ่มที่เพลาด้านหน้า ทาง WEC ยังได้มีกฎในการจำกัดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรวมถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นรถแข่งคันนี้จึงมีฟังก์ชั่น Boost ไว้ให้ผู้ขับขี่เรียกใช้ในแต่ละรอบวิ่งอีกด้วย การพัฒนาการขับเคลื่อนที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพสูงนี้จะส่งผลในทางบวกต่อการพัฒนาและการผลิตรถยนต์ปอร์เช่ด้วยเช่นกัน


Mark Webber นักแข่งวัย 37 ปี ได้มีโอกาสทดลองขับ LMP1 นี้ในสนามแข่ง Autódromo Internacional do Algarve โดยต้องขอบคุณทีมแข่ง Red Bull Racing Formula 1 ที่อนุญาตให้นักแข่งชาวออสเตรเลียได้เข้าร่วมการทดสอบนี้ แม้ว่า Webber จะยังมีสัญญาอยู่กับทีมของพวกเขาก็ตามที แต่หลังจาก 1 มกราคม 2014 เป็นต้นไปนั้น Mark Webber จะเข้าร่วมกับทีมของโรงงานปอร์เช่อย่างเป็นทางการในฐานะนักขับขี่และนักแข่งของปอร์เช่ และทำงานร่วมกับนักแข่งที่มีฝีมือของปอร์เช่อย่าง Timo Bernhard (วัย 32 ปี), Romain Dumas (วัย 35 ปี) และ Neel Jani (วัย 30 ปี) อีกด้วย ซึ่ง Mark Webber ได้กล่าวไว้ว่า “การทำงานกับโปรเจคที่พิเศษสุดวันแรกของผมนี้ เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก ผมต้องขอบคุณทีม Red Bull Racing ที่ให้โอกาสผมเข้าร่วมโปรเจคนี้ได้ และการทดสอบนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากสำหรับเราทุกคน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผมสามารถทำงานร่วมกับทีมงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และทำงานร่วมกันในเรื่องของการพัฒนารถแข่ง LMP1 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เรายังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเดินไปและต้องทำงานอย่างหนักร่วมกัน” ส่วนหัวหน้าโครงการปอร์เช่ LMP1 อย่าง Fritz Enzinger ได้กล่าวด้วยความชื่นชมต่อวิสัยทัศน์ของนักแข่ง F1 ว่า “ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ Mark มาร่วมทีม และต้องขอบคุณทีม Red Bull Racing ที่ให้โอกาสเขามาช่วยเราก่อนในครั้งนี้”

โปรแกรมการทดสอบครั้งสุดท้ายสำหรับปี 2013 ในประเทศโปรตุเกสครั้งนี้ เน้นในเรื่องของช่วงล่าง และการทดสอบสมรรถนะของยางร่วมกับมิชลิน ก่อนหน้านี้ปอร์เช่ LMP1 ยังได้รับการทดสอบการพัฒนามาหลายสนามไม่ว่าจะเป็นสนามแข่ง Magny-Cours ในประเทศฝรั่งเศส สนามแข่ง Monza ในประเทศอิตาลี และ Paul Ricard ในประเทศฝรั่งเศส รวมถึงสนามแข่ง Eurospeedway Lausitz ในประเทศเยอรมนี Enzinger ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ระหว่างการเปิดตัวรถใหม่ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ทุกๆ กิโลเมตรมีความสำคัญกับเรา ทำให้เราได้ข้อมูลใหม่ที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในขั้นตอนต่อไป ทีมงานของเราทำงานอย่างหนักและผมต้องขอบคุณพวกเขาด้วยใจจริง ซึ่งการทำงานอย่างหนักจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2014 ด้วยเช่นกัน จนกว่าจะเริ่มต้นฤดูกาลแข่งขันในช่วงกลางเดือนเมษายน พวกเรายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก”

Mercedes-Benz ผนึกกำลัง Pebble ร่วมพัฒนาสมาร์ทวอทช์สำหรับผู้ขับขี่


Mercedes-Benz จับมือกับ Pebble แบรนด์นาฬิกาอัจฉริยะสมาร์ทวอทช์ชื่อดังเพื่อร่วมกันพัฒนา “แอพพลิเคชั่นนวัตกรรมใหม่ที่เชื่อมต่อการใช้งานระหว่างรถยนต์และผู้ใช้”

รายละเอียดทางเทคนิคยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่ทางแบรนด์รถดาวสามแฉกชี้ว่าการเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะช่วยให้สามารถเข้าถึงซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่พัฒนาโดย Pebble ได้ นำไปสู่การต่อยอดเทคโนโลยีที่จะเชื่อมต่อผู้ขับขี่และตัวรถเข้าไว้ด้วยกันอย่างไหลลื่นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น


อย่างไรก็ตาม Mercedes-Benz ได้โชว์ผลงานชิ้นแรกของความร่วมมือโดยการอัพเดตแอพพลิชั่น Digital DriveStyle ให้สามารถสื่อสารกับนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ของ Pebble ได้ โดยจะโชว์นวัตกรรมใหม่ล่าสุดนี้ที่งาน Consumer Electronics Show ช่วงต้นเดือนมกราคม

ค่ายรถยักษ์เยอรมันระบุว่า แอพฯดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ขับขี่รับรู้ข้อมูลสำคัญของตัวรถ อย่างระดับน้ำมันในถัง การล็อกประตูรถและตำแหน่งที่จอดรถเพียงแค่เหลือบมองดูนาฬิกาเท่านั้น นอกจากนี้ยังแจ้งเตือนด้วยการสั่นให้ผู้ขับขี่ได้รู้ด้วยว่าเกิดอุบัติเหตุข้างหน้าหรือมีการก่อสร้างถนน

ราคาตกฮวบ! ผลสำรวจชี้ค่าตัวรถพลังงานไฟฟ้ามือสองเหลือเพียง 1 ใน 5


ถึงแม้รถพลังงานไฟฟ้าจะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง อาทิการชาร์จไฟที่กินเวลานาน ระยะทางขับเคลื่อนที่ไม่ไกลมากนัก และล่าสุดคือราคาขายต่อที่ตกฮวบฮาบยิ่งกว่ารถประเภทอื่น

หนังสือพิมพ์ Telegraph รายงานโดยอ้างผลการสำรวจของ Cap Automotive บริษัทวิจัยตลาดซึ่งระบุว่า ราคาขายต่อรถมือสองของประเทศอังกฤษในปีนี้ยังคงทรงตัว แต่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเห็นจะเป็นรถพลังงานไฟฟ้า เมื่อซื้อมาแล้วแทบจะขายต่อไม่ได้เลย

ผลสำรวจชี้ว่ารถพลังงานไฟฟ้ามีราคาตกฮวบเหลือเพียง 20.2% ของราคาเต็มหลังจากเวลาผ่านไปสามปี ขณะที่รถดีเซลและเบนซินตกลงราวครึ่งหนึ่ง โดยมีค่าตัวเหลืออยู่ที่ 44.7% และ 43.6% จากราคามือหนึ่งตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้รถพลังไฟฟ้าจะมีราคามือสองที่ย่ำแย่ แต่รถไฮบริดกลับมีราคาขายต่อที่ดีเยี่ยม โดยมีค่าตัวอยู่ที่ 45.3% จากราคามือหนึ่ง

ทั้งนี้ รถไฟฟ้ายังมีข้อได้เปรียบในประเทศอังกฤษ เนื่องจากรัฐบาลจะคืนภาษีให้ผู้ซื้อเป็นเงิน 5,000 ปอนด์ (ราว 260,000 บาท) เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาซื้อรถพลังงานไฟฟ้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Mazda มั่นใจตลาดรถยนต์ฟื้นหลัง ลูกค้าจองรถ Mazda ในงานมหกรรมยานยนต์ทะลุ 3 พันคัน ปีนี้จ่อปิด 1.2 ล้านคัน


มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) มองตลาดรถยนต์ในไทยว่ากำลังจะฟื้นตัวและเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงขาขึ้น สังเกตได้จากผลพวงจากงานมหกรรมยานยนต์ที่เพิ่งจบลงไป ได้เห็นบรรยากาศของการซื้อขายรถช่วงปลายปียังคงคึกคักเช่นเดิม แม้จะมีเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น และการจราจรติดขัดจากการชุมนุม แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้ยอดจำนวนผู้เข้าชมบูธมาสด้าน้อยลงแต่อย่างใด ยังคงมีผู้สนใจชมรถและทดลองขับต่อเนื่องทุกวันตลอดงาน ส่งผลให้มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม บูธมาสด้าตลอดการจัดงานทั้ง 12 วัน มีลูกค้าสอบถามข้อมูลพร้อมทั้งร่วมทดลองขับเกือบสองพันราย และมียอดจองเข้ามาสูงถึง 1,300 คัน ส่งผลถึงรถรุ่นอื่นๆ ก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ส่งให้ยอดจองภายในงานทะลุถึง 3,150 คัน

นายโชอิชิ ยูกิ ประธานกรรมการบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในช่วงตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ประสบกับภาวะของตลาดที่กำลังซื้อเกิดการชะลอตัว คาดว่าต่อจากนี้เป็นต้นไปตลาดรถยนต์ของประเทศไทยกำลังจะกลับคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะบรรยากาศการซื้อขายในช่วงงานมหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมาได้สร้างความคึกคักให้กับตลาดเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีลูกค้าจองซื้อรถยนต์มาสด้าสูงถึง 3,150 คัน โดยเฉพาะรถอเนกประสงค์ SUV Mazda CX-5 มียอดจองสูงสุดถึง 1,303 คัน ตามมาด้วยปิกอัพ Mazda BT-50 Pro จำนวน 638 คัน ส่วนของรถยนต์นั่ง Mazda 2 ทั้งเอลิแกนซ์ ซีดาน และสปอร์ต แฮตช์แบค จำนวน 612 คัน ยังคงรักษาความแรงไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และสปอร์ตคอมแพ็คอย่าง Mazda 3 ทั้งสองรุ่น 2.0ลิตร และ 1.6 ลิตร จำนวน 596 คัน และอีก 1 คัน มาจากรสปอร์ตโรดสเตอร์มาสด้า MX-5

มาสด้าคาดว่านับจากนี้เป็นต้นไปตลาดรถยนต์ของประเทศไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และคาดว่ายอดขายทั้งตลาดในปี 2556 นี้จะทะลุเกิน 1.3 ล้านคัน โดยเฉพาะในส่วนของมาสด้านั้น หลังจากที่ส่ง CX-5 เข้าสู่ตลาด ลูกค้าให้การตอบรับอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะในงานมีลูกค้าจองเข้ามาสูงถึง 1,300 คัน และรวมทั่วประเทศอีก 2,000 คัน ทำให้มาสด้ามียอดจองรวมทั้งสิ้นสูงถึง 3,300 คัน พร้อมกันนี้ทางมาสด้าได้เร่งดำเนินการเพื่อมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าอย่างเร่งด่วนที่สุด

นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานกรรมการบริหาร เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตลาดรถยนต์คึกคักอย่างนี้ตลอดไป และคาดว่าจะส่งผลดีสำหรับตลาดรถยนต์ในปีหน้าด้วยเช่นกัน หากสถานการณ์ต่างๆ เป็นไปตามปกติ น่าจะเห็นตัวเลขที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากว่าในปีนี้ นอกจากนี้มาสด้าได้เปิดโอกาสให้ลูกค้าทั่วประเทศและลูกค้าที่พลาดเข้าชมงานมหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมา มาสด้าได้ทำการขยายโปรโมชั่นเช่นเดียวกับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ออกไปอีกจนถึงสิ้นปีนี้ คือ วันที่ 31 ธันวาคมนี้ กับข้อเสนอดีๆ มีให้ครบทุกรุ่น สำหรับผู้สนใจรถมาสด้า2 ดอกเบี้ย 0% ยาวนาน 36 เดือน พร้อมรับฟรีทันทีคูปองค่าบำรุงรักษานาน 2 ปี และข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย

Mazda 3 ควงคู่ S-Class เข้ารอบสุดท้ายรถยอดเยี่ยมแห่งยุโรป 2014


ผลการคัดเลือกรอบสุดท้ายรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งยุโรปหรือ 2014 European Car of the Year ได้รับการประกาศออกมาแล้ว มีทั้งรถยุโรป ญี่ปุ่น อเมริกัน ทั้งใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป

สำหรับรายชื่อรถที่เข้ารอบสุดท้ายประกอบด้วย รถไฟฟ้า BMW i3, Citroen C4 Picasso, Mazda3, Mercedes-Benz S-Class, Peugeot 308, Skoda Octavia และปิดท้ายด้วยรถพลังไฟฟ้า Tesla Model S ที่ได้รับความนิยมในตลาดอเมริกันเวลานี้

รถทั้งเจ็ดรุ่นถูกคัดเลือกจากรถใหม่ที่ออกจำหน่ายในปี 2012 – 2013 โดยคัดจากรายชื่อรอบแรกที่มีทั้งหมด 30 รุ่น

คณะกรรมการ 58 คนจากชาติยุโรป 22 ประเทศจะร่วมทดสอบรถทั้งเจ็ดคันอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนประกาศผลผู้ชนะเลิศที่งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ในเดือนมีนาคมปีหน้า คาดเดาไม่ถูกเลยว่ารถพลังไฟฟ้าอย่าง BMW i3 หรือรถคอมแพกต์เครื่องยนต์เบนซินธรรมดาอย่าง Mazda3 รวมถึงฟูลไซส์ซีดานหรูที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอย่าง Mercedes-Benz S-Class จะคว้ารางวัลนี้ไปครองกันแน่

น้ำมันแพง-พืชผลเกษตรตก ป่วนตลาดจักรยานยนต์


ไม่ใช่แค่ตลาดรถยนต์เท่านั้นที่จะตกและหดตัวลงไปตามภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ แต่อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์นั้นก็ได้รับผลจากปัจจัยลบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในรอบปีด้วยเช่นกัน

การปรับตัวของราคาน้ำมันในรอบปีที่ผ่านมา และความผันผวนของราคาพืชผลทางการเกษตร เป็นตัวการหลักที่ทำให้แนวโน้มยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยปีนี้ น่าจะหดตัวลงไปเหลือที่ระดับประมาณ 2 ล้านบาทเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่าหดตัวลดลงไปจากเป้าประมาณการณ์ในช่วงต้นปี แต่ก็ยังถือเป็นยอดจำหน่ายที่สูงอยู่ โดยเฉพาะเมื่อมองว่าบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ตลาดซบเซาและมีปัจจัยลบเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด


แม้จะไม่มีโครงการรถคันแรกเหมือนฟากรถยนต์ ทำให้ความผันผวนของกำลังซื้้อในปีนี้มีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้ก็ไม่เติบโตแบบเปรี้ยงปร้าง ในกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กสำหรับครอบครัว

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีก็คือเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตร ที่รัฐบาลเองไม่สามารถเดินหน้าโครงการรับประกันราคาพืชผลได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะราคาข้าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในวงกว้าง

ปัจจัยลบทางด้านราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ก็ทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดากลับมาครองส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้สัดส่วนของรถออโตเมติกลดน้อยลงไป

สวนทางกับธุรกิจของเล่นเศรษฐีอย่างบิ๊กไบค์ที่โตวันโตคืน โดยคาดกันว่าในปีนี้น่าจะมียอดจำหน่ายมากกว่า 2 หมื่นคัน ซึ่งจะเห็นการเติบโตได้จากการที่แบรนด์ระดับโลกต่างหลั่งไหลเข้ามาเปิดตัวดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกันอย่างต่อเนื่อง


รวมไปถึงการเดินหน้าเปิดสายการผลิตสำหรับรถบิ๊กไบค์กันมากมาย แม้แต่แบรนด์หรูอย่างบีเอ็มดับเบิลยููที่เป็นข่าวพิจารณาโครงการนี้มา 2-3 ปี หรือซูซูกิ ที่หวังว่ารถบิ๊กไบค์จะช่วยให้ฟื้นคืนชีพได้ และมีการเปิดเวทีแสดงสินค้าใหม่กันอย่างคึกคัก

ยอดการผลิตที่หดตัวลงไปประมาณ 10% และยอดการจำหน่ายที่หดตัวลงไป 5% ในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นตัวเลขไม่มาก แต่หากเปรียบเทียบกับฐาน 2 ล้านกว่าคันต่อปี ก็ถือเป็นตัวเลขที่สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้คนในแวดวงรถจักรยานยนต์ไม่น้อย

วิน ดีเซล เผย Fast and Furious 7 ออกฉายวันที่ 10 เมษายน 2015


นักแสดงหนุ่มสุดล่ำ วิน ดีเซล ออกมาประกาศทางหน้าเพจเฟซบุ๊กว่าภาพยนตร์ Fast and Furious 7 จะออกฉายในวันที่ 10 เมษายน 2015 ซึ่งถือว่าช้ากว่ากำหนดเดิมเกือบหนึ่งปีเต็ม

หลังจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของพอล วอร์กเกอร์ บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ Universal Studios ได้ระงับการสร้าง Fast and Furious ภาค 7 อย่างไม่มีกำหนด นั่นทำให้กำหนดการฉายในช่วงเดือนกรกฎาคมปีหน้าต้องเลื่อนออกไปด้วยเช่นกัน ทางทีมงานต้องระดมสมองคิดกันอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรกับบทภาพยนตร์

ล่าสุด วิน ดีเซล ออกมาประกาศว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเดินหน้าต่อไปถึงแม้จะล่าช้าออกไปเกือบหนึ่งปีก็ตาม โดยเขายังโพสต์ภาพถ่ายคู่กับพอล วอล์กเกอร์ในฉากสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้ถ่ายทำร่วมกันด้วย

สำหรับข่าวลือที่ว่านักร้องเพลงป๊อป จัสติน บีเบอร์จะมาร่วมแสดงใน Fast 7 นั่นเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น สื่อมวลชนรายงานว่าน้องชายของพอล อย่าง โคดี้ วอล์กเกอร์ ได้ถูกว่าจ้างให้มาร่วมแสดงแทนแล้ว ถึงแม้โคดี้จะมีอายุอ่อนกว่าพอลถึง 15 ปี แต่หน้าตาก็มีส่วนคล้ายกันพอสมควร คาดว่าทางทีมผู้สร้างจะประกาศข่าวนี้อย่างเป็นทางการอีกครั้งในไม่ช้า

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เหมือนหลุดจากเกมส์! Audi R8 V10 Spyder จัดเต็มบอดี้คิท REGULA Tuning

หากมองเผินๆ อาจคิดว่า Audi R8 V10 Spyder คันนี้หลุดมาจากเกมส์ Need for Speed แต่จริงๆแล้วเป็นผลงานการแปลงโฉมชนิดจัดเต็มของสำนัก REGULA Tuning



สำนักแต่งจากเยอรมนีรายนี้ดีไซน์บอดี้คิทแอโรไดนามิกสำหรับซูเปอร์คาร์เยอรมันได้อย่างดุดันสะดุดตายิ่งนักประกอบด้วยชุดแต่งรอบคันที่สนนราคาจำหน่าย 7,950 ยูโร (ราว 340,000 บาท) แถมเติมแต่งเส้นสายสีแดงรอบคัน ทำให้รูปร่างหน้าตามีความร้อนแรงยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน

REGULA Tuning ยังทำการติดตั้งระบบระบายไอเสียใหม่ที่โผล่ออกมาจากกันชนหลัง อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ V10 ความจุ 5.2 ลิตร FSI ยังคงมีพละกำลังเท่ากับรุ่นสแตนดาร์ดจากโรงงานที่ 525 แรงม้า แรงบิด 530 นิวตันเมตร

สำหรับล้ออัลลอยรุ่น Oxigin-Oxrock ใช้สีดำสลับแดงออฟเซ็ทลึกขนาด 20 นิ้ว หุ้มยาง 265/30-20 ที่คู่หน้าและ 305/25-20 ที่ล้อคู่หลัง REGULA Tuning บอกว่าบอดี้คิททรงดุดันชุดนี้สามารถติดตั้งได้ทั้ง R8 เวอร์ชั่นคูเป้และเปิดประทุนโฉมปี 2013

ดุดัน Range Rover Sport เวอร์ชั่นโมดิฟายด์โดย Startech

หลังจากปล่อยข้อมูลชุดแรกออกมาตั้งแต่ต้นปี สำนักแต่ง Startech เปิดตัว Range Rover Sport เวอร์ชั่นพิเศษที่งานเอสเซน มอเตอร์โชว์ มาพร้อมการอัพเกรดหน้าตาและหัวใจขับเคลื่อนใหม่



การตกแต่งเน้นแนวคิดเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดใจแบบสปอร์ต รูปลักษณ์ภายนอกถูกเสริมหล่อกันชนหน้าพร้อมช่องดักลมขนาดใหญ่กว่าเดิม ฝังราวไฟเดย์ไลท์ LED ขณะที่บั้นท้ายมีแผงรีดอากาศดิฟฟิวเซอร์ ท่อไอเสียสแตนเลสและล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 22 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีช่วงล่างโหลดเตี้ยลงกว่ารุ่นสแตนดาร์ด 25 มม.

ภายในห้องโดยสารเต็มเปี่ยมความโฉบเฉี่ยวด้วยวัสดุหนังระดับพรีเมียมสลับกับ Alcantara เสริมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์และไม้เกรดพิเศษ

เครื่องยนต์ใช้บล็อก SDV6 ความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร ดีเซลเทอร์โบ ทาง Startech ติดตั้งแพ็คเกจรีดความแรงรหัส SD30 S ทำให้พละกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 323 แรงม้า แรงบิด 680 นิวตันเมตร มากกว่าเดิม 31 แรงม้าและ 80 นิวตันเมตร

อัตราเร่งของ Range Rover Sport เวอร์ชั่น Startech จากหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม.อยู่ที่ 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม.

BMW 6-Series Bullshark แต่งเน้นความโหดดุดันโดย Vilner

Vilner อวดผลงานการโมดิฟายด์รถสปอร์ตคูเป้สุดหรู BMW 6-Series Bullshark เน้นความหวือหวาสะดุดทุกสายตาบนท้องถนน



หากพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกจะเห็นว่าทาง Vilner ทำการแปลงโฉมใหม่หมดทั้งคันตั้งแต่หน้าจรดท้ายรถด้วยชุดบอดี้พาร์ท ทั้งกันชนหน้า สเกิร์ตด้านข้าง สปอยเลอร์หลัง กระจกมองข้างคาร์บอนไฟเบอร์ กรอบไฟหน้า LED มีดีไซน์คล้าย Infiniti FX นอกจากนี้ยังมีไฟเลี้ยวแบบ Z4 และกรอบไฟท้ายที่คล้ายกับรุ่น 6-Series E63

ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะที่นั่งแบบสปอร์ตที่ถอดมาจากรุ่น M6 Coupe พวงมาลัยชุดใหม่ หัวเกียร์แบบช่วงสั้น มาตรวัดสีน้ำตาลล้อมกรอบสีฟ้า ขณะที่กระจกมองหลัง แผงแดชบอร์ด บันไดข้างและพื้นที่ใต้กระโปรงหลังตกแต่งด้วยหนังและ Alcantara

ชุดเครื่องเสียงของเดิมถูกถอดออกแล้วแทนที่ด้วยแบรนด์ Ground Zero นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าเดินทางที่มีดีไซน์เข้ากับห้องโดยสารด้วย

สำหรับขุมพลังขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของสำนัก AC Schnitzer ที่รีดพละกำลังเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.4 ลิตรให้เพิ่มขึ้นจาก 333 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตรเป็น 370 แรงม้า แรงบิด 522 นิวตันเมตร ขณะที่ล้ออัลลอยใช้ขนาด 19 นิ้ว หน้ากว้าง 8.5 และ 9.5 ที่ล้อหน้าและหลังตามลำดับ

Mercedes-Benz E-Class แต่งบอดี้คิทดึงโป่งฝีมือ MEC Design

สำนักแต่ง MEC Design ประกาศเปิดตัวชุดบอดี้คิทแบบดึงโป่งรอบคันสำหรับติดตั้งในรถคูเป้สุดหรู Mercedes-Benz E-Class Coupe (ตัวถัง W207)



หน้าตาภายนอกดูบึกบึนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยชุดแต่งที่เน้นเหลี่ยมคม โดยเฉพาะด้านหน้าติดตั้งกันชนชุดใหม่พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่เบิ้มและลิ้นสปอยเลอร์หน้าสีดำทำด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ฝากระโปรงมีเส้นสายสะดุดตาแฝงความดุดันด้วยช่องรีดอากาศด้านข้าง

ซุ้มล้อทั้งสี่มีขนาดใหญ่โป่งออกมาสไตล์รถแข่ง สเกิร์ตด้านข้างเน้นขอบสันชัดเจน ล้ออัลลอยใช้ลายห้าก้านคู่ ส่วนบั้นท้ายมีท่อไอเสียสี่ชุด พร้อมแผงดิฟฟิวเซอร์คาร์บอนไฟเบอร์และสปอยเลอร์ขนาดเล็กบนฝากระโปรง

สำหรับขุมพลังขับเคลื่อนไม่มีการเปิดเผยข้อมูล แต่คาดว่าจะถูกอัพเกรดสมรรถนะกันเล็กน้อย ตลอดจนช่วงล่างที่โหลดให้เตี้ยลงกว่าเดิม

McLaren Special Operations โชว์ซูเปอร์คาร์ MSO 12C Concept แต่งแนวต้นแบบ

McLaren เปิดตัวซูเปอร์คาร์ 12C เวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษ โชว์ศักยภาพของแผนก McLaren Special Operations (MSO) ที่เชี่ยวชาญในการแปลงโฉมเสริมความหล่อ



แผนก MSO ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2011 คลอดผลงานสุดสวยมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น MP4-12C High Sport และ X1 ขณะที่ MSO 12C Concept รุ่นล่าสุดคันนี้ได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมหลายจุด ทั้งฝากระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่ สปอยเลอร์หน้าและปีกหลัง

ซูเปอร์คาร์สุดสวยเวอร์ชั่นนี้ยังมาพร้อมกับช่องดักอากาศบนหลังคาเข้าสู่เครื่องยนต์ซึ่งทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนดุมล้ออัลลอยทำด้วยไทเทเนียม เช่นเดียวกับฝาปิดกรองน้ำมันเครื่องและน้ำก็ทำจากวัสดุไทเทเนียมซึ่งช่วยลดน้ำหนักตัวของ 12C ได้พอสมควร

ภายในห้องโดยสารยังใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งอีกหลายจุด อาทิ แผงมาตรวัดและคอนโซล ส่วนล้ออัลลอยใช้ดีไซน์ใหม่แบบห้าก้านสีดำสลับบรอนซ์เงิน

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รถต้นแบบฮุนได อินทราโด เตรียมเปิดตัวที่เจนีวา

ฮุนไดเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบรุ่นล่าสุด ฮุนได อินทราโด ในงานแสดงรถยนต์ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวทางในการออกแบบรถยนต์แห่งโลกอนาคตยุคใหม่



รถยนต์ต้นแบบคันดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงแนวทางในการออกแบบที่เรียกว่าฟลูอิดิส 2.0 ซึ่งเป็นแนวทางในการออกแบบรถยนต์เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งรถยนต์ต้นแบบหลายคันในยุคหลัง ๆ ก็ใช้แนวทางในการออกแบบฟลูอิดิสเวอร์ชั่นปัจจุบันทั้งสิ้น
ฮุนไดบอกว่า อินทราโดจะมาพร้อมกับโครงสร้างน้ำหนักเบาเป็นพิเศษรุ่นใหม่ ที่ผลิตมาจากการผสมผสานวัสถุดิบหลายชนิด ร่วมกับเทคนิตในการพัฒนาล่าสุด ที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะเปลี่ยนแนวทางในการออกแบบรถยนต์ในอนาคต
นอกจากนี้ รถยนต์ต้นแบบคันนี้จะเป็นการแนะนำเครื่องยนต์ฟิวเซลล์ที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานเจนเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีขนาดเล็กกว่าและมีน้ำหนักที่เบากว่าที่่ใช้อยู่ในฮุนได ไอเอ็กซ์35 ฟิวเซลล์
ทีมงานที่รับผิดชอบในด้านการออกแบบและระบบวิศวกรรมมาจากหน่วยงานฮุนได มอเตอร์ ยูโรเปียน อาร์แอนด์ดี เซนเตอร์ ในเยอรมนี โดยได้รับแรงบันดาลใจในด้านการออกแบบจากการออกแบบของเครื่องบินเลยทีเดียว
ชิ่ออินทราโดเองก็มาชิ้นส่วนที่ติดตั้งอยู่ใต้ปีกของเครื่องบิน ที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างแรงส่งที่ทำให้เครื่องบินสามารถบินขึ้นไปได้ นอกจากนี้ ก็มีการนำแนวคิดในเรื่องของวัสดุคุณภาพสูง รูปทรงที่ออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งาน รวมถึงการกำจัดน้ำหนักส่วนเกินและเครื่องยนต์สมรรถนะสูงเข้ามา
รออีกไม่นานก็จะได้เห็นตัวจริงกันเสียที เชื่อฝีมือของทีมงานค่ายนี้ที่ทำงานกับรถต้นแบบเจ๋งขึ้นเรื่อย ๆ ดูแล้วคันนี้ก็ไม่น่าผิดหวัง!!!

Porsche กวาด 3 รางวัล จากรายการ Auto Trophy 2013 awards ได้แก่ 918 Spyder 1 รางวัล และ 911 Carrera อีก 2 รางวัล

Porsche ได้รับรางวัลเกียรติยศถึง 3 รางวัลจากงาน Auto Trophy 2013 Award

Auto Trophy 2013 เป็นรางวัลที่ได้มาจากการโหวตของผู้อ่านนิตยสาร “Auto Zeitung” กว่า 100,000 คน  ร่วมกันโหวตให้กับปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder(1)) คือรถซูเปอร์ สปอร์ต (Super Sport car) ที่ดีที่สุด ส่วน 911 คาร์เรร่า (911 Carrera(2)) ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติถึงสองรางวัล ได้แก่ รุ่นคูเป้ที่ชนะและได้รับรางวัลในคลาสรถ “Sport” ในขณะที่รุ่น 911 คาบริโอเลต (911 Cabriolet) คว้าชัยในรุ่นเปิดประทุนที่ราคามากกว่า 30,000 ยูโรไปครอง



นอกจากนั้น ปอร์เช่ยังได้รับรางวัลเพิ่มเติมอีกนั่นคือ พานาเมร่า (Panamera(3)) ที่สามารถคว้าที่ 2 ไปครองในรุ่นคลาสรถ “Luxury” หรือคลาสรถหรู ส่วนคาเยนน์ (Cayenne) สามารถคว้าที่ 3 ของคลาสรถสปอร์ตเอนกประสงค์ (SUV) ที่ดีที่สุดในราคารถไม่เกิน 30,000 ยูโร ไปครองด้วยเช่นกัน

ถือได้ว่าเป็นครั้งที่ 26 แล้วที่มีการจัดรางวัล Auto Trophy และจะทำการโหวตจากผู้อ่านกว่า 100,000 คน ซึ่งในครั้งนี้มีรถเข้าร่วมรับการโหวตกว่า 400 รุ่น เพื่อคว้ารางวัลที่มีถึง 29 รางวัล ซึ่งแตกต่างกันไป 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ถือได้ว่าเป็นรถสปอร์ตที่คว้าแชมป์ในการโหวตสำหรับคลาสรถสปอร์ตมาอย่างยาวนานที่สุดอีกด้วย

(1) ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 3.1 – 3.0 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคพลังงานแบบผสมผสาน: 12.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2: 72 กรัม/กิโลเมตร

(2) ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 10.0 – 8.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; CO2 emissions: 4 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 235 – 191 กรัม/กิโลเมตร

(3) พานาเมร่า (Panamera): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 10.7 – 6.4 ลิตร/100 กม.; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2: 249 – 169 กรัม/กิโลเมตร

(4) ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 11.5 – 7.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 270 – 189 กรัม/กิโลเมตร

Bosch เปิดตัว eClutch คลัตช์ไฟฟ้าสำหรับเกียร์ธรรมดาแต่ทำงานแบบอัตโนมัติได้

Bosch เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ eClutch คลัตช์ไฟฟ้าสำหรับรถที่ใช้เกียร์ธรรมดา แต่สามารถทำงานเหมือนระบบอัตโนมัติได้ในบางสถานการณ์

ระบบ eClutch ช่วยลดปัญหา “น่องโป่ง” สำหรับคนที่ชื่นชอบการขับเกียร์ธรรมดาแต่มักมีปัญหาเมื่อยล้าเวลาการจราจรติดขัดเพราะต้องเหยียบคลัตช์อยู่ตลอดเวลา แต่ระบบคลัตช์ไฟฟ้าของ Bosch ช่วยให้เกียร์ธรรมดาทำงานเหมือนเกียร์อัตโนมัติ โดยผู้ขับขี่เพียงแค่ใช้เบรกและคันเร่ง ซึ่ง eClutch จะ “ปลด” การทำงานระหว่างเครื่องยนต์และเกียร์เมื่อผู้ขับขี่ยกคันเร่งออกในช่วงความเร็วต่ำ ทำให้เครื่องยนต์ไม่ดับหรือกระตุก


ระบบคลัตช์ไฟฟ้า eClutch ไม่เพียงจะให้ความสะดวกสบาย ยืดหยุ่นในการใช้งานและมีราคาถูกกว่าคลัตช์ที่ใช้ในเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันลงได้ราว 10% อีกด้วย ถึงแม้ยอดขายรถเกียร์ธรรมดาทั่วโลกจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์คนรักเกียร์ธรรมดาได้เป็นอย่างดี
eClutch ยังสามารถพัฒนาต่อยอดเพื่อรองรับระบบเกียร์ธรรมดาในรถไฮบริดได้ด้วย นั่นทำให้ราคาค่าตัวของรถไฮบริดจะถูกลงกว่าในปัจจุบัน
หลายคนอาจสงสัยว่า ระบบคลัตช์ประเภทนี้จะให้ความนุ่มนวลเหมือนกับเกียร์ออโตทอร์กคอนเวอร์เตอร์ได้อย่างไร ทาง Bosch ระบุว่ากำลังซุ่มพัฒนาเพื่อให้มีการใช้งานที่ดีที่สุด โดยคาว่าจะได้รับการติดตั้งในรถโปรดักชั่นในอนาคตอันใกล้นี้

Ward’s Auto ประกาศ 10 เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Ford EcoBoost 1.0 ลิตรติดโผอีกแล้ว

สำนักข่าว Ward’s Auto ประกาศผล 10 เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีออกมาแล้ว เครื่องยนต์ 4 สูบและ V6 พาเหรดกันติดโผเพียบ



นับเป็นปีที่ 20 ติดต่อกันแล้วที่ทาง Ward’s Auto จัดอันดับ 10 Best Engines ยกย่องเครื่องยนต์ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมประจำปี โดยทีมงานของ Ward’s คัดเลือกจากเครื่องยนต์จำนวน 44 บล็อกที่ใช้อยู่ในรถยนต์ที่มีค่าตัวไม่เกิน 60,000 เหรียญสหรัฐฯ ในตลาดอเมริกา

สำหรับเครื่องยนต์ที่ได้รับรางวัล ประกอบด้วย
3.0 ลิตร TFSI ซูเปอร์ชาร์จ DOHC V6 (Audi S5)
3.0 ลิตร ดีเซล เทอร์โบ DOHC 6 สูบแถวเรียง (BMW 535d)
3.0 ลิตร ดีเซล เทอร์โบ DOHC V6 (Ram 1500 EcoDiesel)
มอเตอร์ไฟฟ้า 83 กิโลวัตต์ (Fiat 500e)
1.0 ลิตร EcoBoost DOHC 3 สูบ (Ford Fiesta)
2.0 ลิตร ดีเซล เทอร์โบ DOHC 4 สูบ (Chevrolet Cruze Diesel)
6.2 ลิตร OHV V8 (Chevrolet Corvette Stingray)
3.5 ลิตร SOHC V6 (Honda Accord)
2.7 ลิตร DOHC บ็อกเซอร์ 6 สูบ (Porsche Cayman)
1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จ DOHC 4 สูบ (Volkswagen Jetta)

เครื่องยนต์ที่โดดเด่นคือบล็อก V8 ของ 2014 Chevrolet Corvette Stingray ซึ่งให้พละกำลังสูงแถมยังประหยัดน้ำมัน ขณะที่ขุมพลังไฟฟ้าของ 2013 Fiat 500e ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังมีระยะทางขับขี่กว่า 140 กม.

Toyota เตรียมยุติสายการผลิตในออสเตรเลียภายในปี 2018

Toyota กลายเป็นค่ายรถยนต์รายล่าสุดที่จะถอนสายการผลิตออกจากออสเตรเลีย หลังศาลรัฐบาลกลางของแดนจิงโตออกคำสั่งไม่ให้ยักษ์ญี่ปุ่นเปิดเจรจาสัญญาการผลิตใหม่เพื่อลดต้นทุน



เวบไซต์ News.com.au รายงานว่า Toyota ต้องการเจรจาสัญญาใหม่กับสหภาพแรงงานเพื่อลดต้นทุนการผลิตในโรงงานสองแห่งที่ตั้งอยู่ในออสเตรเลีย โดยชี้ว่าด้วยค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่แข็งค่าขึ้นทำให้ต้นทุนในการผลิตรถสูงขึ้นถึง 3,400 เหรียญสหรัฐฯต่อคัน ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับที่ทาง General Motors อ้างไว้ก่อนหน้านี้

ศาลรัฐบาลกลางของออสเตรเลียตัดสินว่า Toyota ไม่สามารถเปิดการเจรจารอบใหม่ได้จนกว่าสัญญาจ้างงานจะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม 2015

ซึ่งสัญญาที่เหลืออีกปีกว่านั้นยาวนานเกินไปสำหรับ Toyota ขณะที่การถอนสายการผลิตของ Ford และ GM ได้ทำให้ซัพพลายเออร์ท้องถิ่นเกิดแรงกดดันอย่างมากส่งผลเป็นโดมิโนมาถึง Toyota อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Toyota บอกว่าจะอุทธรณ์คำตัดสินของศาล แต่สื่อมวลชนหลายสำนักชี้ว่านี่เป็นเหตุผลอันชอบธรรมที่ Toyota Australia จะยุติสายการผลิตในออสเตรเลียภายในอีก 3-4 ปีข้างหน้า

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

New Harrier 2014 คันแรกในไทย SUV ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างยอดเยี่ยม

TSL Auto Corporation ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยนตรกรรมชั้นนำจากต่างประเทศแบบครบวงจร ภูมิใจเสนอรถยนต์ SUV อเนกประสงค์สุดหรูรุ่นใหม่ล่าสุด “New Harrier 2014” กว่า 10 ปีแห่งการพัฒนาและการทดลองระบบเครื่องยนต์เพื่อที่สุดแห่งยนตรกรรม รวมไปถึงการออกแบบดีไซน์ใหม่เพื่อให้รถยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด สามารถตอบโจทย์การใช้งานสำหรับวิถีชีวิตคนเมืองและรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มใหม่วัยทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม



New Harrier 2014 คันนี้ได้พกพาสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเลิศ ภายใต้ฝากระโปรงหน้าบรรจุเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC ขนาด 2,000 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 151 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 193 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที และใช้ระบบขับเคลื่อนสองล้อ โดยมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นอ็อปชั่นเสริมพิเศษ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT พร้อมขับเคลื่อนไปทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนนหรือเส้นทางออฟโรด


สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นและสะดุดตาด้วยรูปทรงสปอร์ตรอบคัน เน้นความหรูหราและเฉียบคม เริ่มตั้งแต่ไฟหน้า LED ที่มีระบบปรับลำแสงสูง-ต่ำอัตโนมัติเพื่อเพิ่มการขับขี่ที่ปลอดภัย ไฟตัดหมอกหน้า LED แบบสปอร์ต กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัวและการพับเก็บอัตโนมัติ เพิ่มเติมความทันสมัยด้วยโคมไฟท้าย LED ให้สว่างชัดในทุกสภาวะการขับขี่ และสปอยเลอร์หลังทรงสปอร์ตแนบอยู่บน ฝาประตูท้ายที่พ่วงไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED พร้อมด้วยที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง ฝาท้ายเปิด-ปิดระบบไฟฟ้า ที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยระบบป้องกันการขับรถออกนอกเลน (Lane Departure Alert) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control) ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์ประหยัดน้ำมันมากขึ้นในสภาวะการขับขี่ในเมือง ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 16 กิโลเมตรต่อลิตร ที่สิ้นเปลืองน้อยกว่ารถยนต์ขนาดเล็กทั่วไป และกุญแจอัจฉริยะ Keyless Go ที่ง่ายต่อการใช้งาน รวมทั้งยังปลอดภัยด้วยระบบป้องกันการโจรกรรมอีกด้วย


ในส่วนของรูปลักษณ์ภายใน New Harrier 2014 ได้รับการตกแต่งใหม่ทั้งหมด โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งานมากที่สุด เช่น ปุ่ม Push Engine Start-Stop รวมทั้งยังมีปุ่มปรับการขับขี่แบบสปอร์ตไว้ใช้งาน เมื่อต้องการขับขี่ในอารมณ์สปอร์ต ซึ่งจะเค้นสมรรถนะของเครื่องยนต์ออกมาให้ได้มากที่สุด ส่วนพวงมาลัยหุ้มหนังแท้ ลายไม้ สามารถปรับไฟฟ้าได้ หัวเกียร์หุ้มหนังแท้ และช่วยเพิ่มความสง่างามด้วยหลังคา Moon Roof การติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ระบบฟอกอากาศนาโนที่ช่วยยับยั้งเชื้อโรค-ขจัดกลิ่น และรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง, ระบบถุงลมนิรภัย SRS รอบคัน, ไฟส่องสว่าง Built-in เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร ได้แก่ คันเกียร์, มือจับด้านใน และกาบบันได


ราคา New Harrier 2014 คันนี้ TSL จำหน่ายในราคา 2.89 ล้านบาท ลูกค้าท่านใดที่สนใจ สามารถมาสัมผัสกับยนตรกรรมแห่งความสปอร์ตสุดหรูคันนี้แบบใกล้ชิด ได้ที่บริเวณลาน Mega Plaza ศูนย์การค้าเมกา บางนา ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2556 และที่โชว์รูมทีเอสแอลทั้ง 4 สาขาทั่วประเทศ

แอสตัน มาร์ติน บางกอก จัดโชว์รถหรูร่วมฉลอง 100 ปีของแบรนด์

หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แอสตัน มาร์ติน ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เฮอริเทจ มอเตอร์ ในเครือเอ็มจีซี-เอเชีย ก็เดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อร่วมฉลอง 100 ปีการก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ซูเปอร์คาร์สุดหรู ด้วยการจัดแสดงรถยนต์ครบไลน์ทั้ง 4 รุ่นที่สยามพารากอน
สุทธิพงษ์ วรรณวานิช ผู้จัดการทั่วไป แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ซึ่งบริหารงานโดย บริษัท เฮอริเทจ มอเตอร์ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ไทยแลนด์) จำกัด ประกาศร่วมฉลอง 100 ปีของแอสตัน มาร์ติน ด้วยการจัดงานเอ็กซ์คลูซีพสุดหรู แสดงรถยนต์ 4 รุ่น ตั้งแต่วันที่ 11-15 ธันวาคม 2556 ที่สยามพารากอน
รถยนต์ที่จะนำมาจัดแสดงในงาน ประกอบไปด้วยรถยนต์ที่มีการจำหน่ายในประเทศไทยทั้ง 4 รุ่น ประกอบไปด้วย แวนควิช ราคา 24.9 ล้านบาท แรพพิด เอส ราคา 19.5 ล้านบาท ดีบี9 ราคา 18.5 ล้านบาท และแวนเทจ ราคาตั้งแต่ 13.5-18.9 ล้านบาท ซึ่งรถยนต์ทั้งหมดจะถูกจัดแสดงและเปิดให้ลูกค้าที่สนใจจับจองได้ภายในงาน



Logo Aston Martin bangkok-03 (1)
“คนไทยในวงสังคมไฮโซมีความคุ้นเคยกับ แอสตัน มาร์ติน สุดยอดรถปอร์ตสัญชาติอังกฤษระดับตำนานของโลกที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งด้านความสง่างาม ความประณีตหรูหราในทุกรายละเอียดของการสรรสร้าง ด้วยที่สุดแห่งขุมพลังสปอร์ตและเทคโนโลยีระดับโลก และจิตวิญญาณแห่งความเป็น แอสตัน มาร์ตินมาอย่างยาวนาน”
ล่าสุดแอสตัน มาร์ติน แบงคอก เปิดให้บริการที่โชว์รูมสุดหรูแห่งแรกแล้วที่ชั้น 2 สยามพารากอน และอยู่ระหว่างเตรียมการในส่วนโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรบนถนนพระราม 3 ด้วยพื้นที่การให้บริการรวมกว่า 500 ตารางเมตร เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษและสร้างความประทับใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าของแอสตัน มาร์ติน

ออสเตรเลียอ่วมหนัก Toyota จ่อถอนการผลิตต่อจาก Ford และ GM

การประกาศยุติสายการผลิตของ General Motors ออกจากออสเตรเลียภายในปี 2017 สั่นคลอนอุตสาหกรรมยานยนต์ในแดนจิงโจ้อย่างมาก ล่าสุด Toyota ระบุแล้วว่าได้รับแรงกดดันอย่างมหาศาลและกำลังพิจารณาว่าจะผลิตรถยนต์ในออสเตรเลียต่อไปหรือไม่



ก่อนหน้านี้ Ford เป็นเจ้าแรกที่ประกาศถอนธุรกิจออกจากออสเตรเลียภายในปี 2016 เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ทั้งยอดขายที่ไม่เข้าตามเป้าและค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่แข็งค่าขึ้นอย่างมากจนทำให้ต้นทุนการผลิตถีบตัวสูงขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่

GM เผยว่าต้นทุนการผลิตรถในออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้นถึง 3,400 เหรียญสหรัฐฯต่อคัน อันเป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง

การถอนตัวของ Ford และ GM ทำให้ซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนในออสเตรเลียราว 150 บริษัทกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคง โดยปัจจุบันมีพนักงานอยู่ในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนราว 42,000 คนเลยทีเดียว ด้าน Toyota ที่ได้รับผลกระทบเป็นโดมิโนเผยว่าการถอนตัวของสองยักษ์ใหญ่จากอเมริกาทำให้ซัพพลายเออร์มีปัญหาอย่างมากและอาจต้องพิจารณาถอนธุรกิจออกจากออสเตรเลียเช่นกัน

ทั้งนี้ Toyota เดินสายการผลิตยานยนต์ในออสเตรเลียมาตั้งแต่ปี 1963 ปัจจุบันผลิตรุ่น Aurion, Camry และ Camry Hybrid ออกจำหน่ายในออสเตรเลีย โซนโอเชียเนียและส่งออกไปยังตะวันออกกลาง

พบรถ Toyota มือสองคุณภาพเยี่ยมที่เวบไซต์ไทยคาร์

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รถต้นแบบฮุนได อินทราโด เตรียมเปิดตัวที่เจนีวา

ฮุนไดเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบรุ่นล่าสุด ฮุนได อินทราโด ในงานแสดงรถยนต์ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวทางในการออกแบบรถยนต์แห่งโลกอนาคตยุคใหม่



รถยนต์ต้นแบบคันดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงแนวทางในการออกแบบที่เรียกว่าฟลูอิดิส 2.0 ซึ่งเป็นแนวทางในการออกแบบรถยนต์เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งรถยนต์ต้นแบบหลายคันในยุคหลัง ๆ ก็ใช้แนวทางในการออกแบบฟลูอิดิสเวอร์ชั่นปัจจุบันทั้งสิ้น
ฮุนไดบอกว่า อินทราโดจะมาพร้อมกับโครงสร้างน้ำหนักเบาเป็นพิเศษรุ่นใหม่ ที่ผลิตมาจากการผสมผสานวัสถุดิบหลายชนิด ร่วมกับเทคนิตในการพัฒนาล่าสุด ที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะเปลี่ยนแนวทางในการออกแบบรถยนต์ในอนาคต
นอกจากนี้ รถยนต์ต้นแบบคันนี้จะเป็นการแนะนำเครื่องยนต์ฟิวเซลล์ที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานเจนเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีขนาดเล็กกว่าและมีน้ำหนักที่เบากว่าที่่ใช้อยู่ในฮุนได ไอเอ็กซ์35 ฟิวเซลล์
ทีมงานที่รับผิดชอบในด้านการออกแบบและระบบวิศวกรรมมาจากหน่วยงานฮุนได มอเตอร์ ยูโรเปียน อาร์แอนด์ดี เซนเตอร์ ในเยอรมนี โดยได้รับแรงบันดาลใจในด้านการออกแบบจากการออกแบบของเครื่องบินเลยทีเดียว
ชิ่ออินทราโดเองก็มาชิ้นส่วนที่ติดตั้งอยู่ใต้ปีกของเครื่องบิน ที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างแรงส่งที่ทำให้เครื่องบินสามารถบินขึ้นไปได้ นอกจากนี้ ก็มีการนำแนวคิดในเรื่องของวัสดุคุณภาพสูง รูปทรงที่ออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งาน รวมถึงการกำจัดน้ำหนักส่วนเกินและเครื่องยนต์สมรรถนะสูงเข้ามา
รออีกไม่นานก็จะได้เห็นตัวจริงกันเสียที เชื่อฝีมือของทีมงานค่ายนี้ที่ทำงานกับรถต้นแบบเจ๋งขึ้นเรื่อย ๆ ดูแล้วคันนี้ก็ไม่น่าผิดหวัง!!!

ล้อเล่น หรือ เอาจริง Justin Bieber จะเข้ามามีบทบาทใน Fast and Furious 7

ก่อนหน้าที่ Paul Walker จะได้รับบทบาท ตัวละครเอกใน ภาพยนตร์ Fast and Furious ภาคแรกนั้น นอกจากฝีมือในการแสดงของเขาแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่มันเหมาะสมกับเขามาก นั่นคือ ความรัก ความบ้าคลั่ง ที่มีต่อโลกยานยนตร์ ของเขา



แต่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์น่าสลดใจขึ้น เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให่้ การถ่ายทำ FF 7 นั้น ถูกระงับไป่ก่อน และล่าสุด มีข่าวอัพเดท เพิ่มเติม ซึ่งอาจเป็นทางออกของการแก้ปัญหา แต่นั่น ผมเชื่อว่า หลายคน รวมถึง ผมเอง ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก

ทางออกที่ว่าคือ การ ดึง Justin Bieber เด็กวัย 19 ปี ชาว Canada ผู้นี้ เข้ามามีบทบาท ในภาพยนตร์ เรื่องนี้ ซึ่งเรายังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าจะเข้ามาเล่นบทใด

ไม่ว่าจะแทนที่ Paul Walker หรือ บทบาทในลักษณ์เดียวกัน หรือจะ น้องชาย ของใครสักคนในเรื่อง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า ต้องเป็นคนรู้จักกับ Tej เนื่องจาก ในเรื่องจริง Justin ได้ร้องเพลงที่ Featuring ร่วมกับ Ludacris และทั้ง 2 ต่างสนิทสนมกัน เอาล่ะถึงยังไง มันก็ยังดูไม่เหมาะ ที่เด็กวัย 19 ซึ่งเป็นนักร้อง Pop Star คนนี้ จะเหมาะกับแก๊งค์รถซิ่ง

และที่สำคัญ Justin จะไม่สามารถมานั่งในใจเราแทนที่ Brian O’Conner ได้