วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Bugatti Veyron แผลเหวอะ หลังถูกสิบล้อเฉี่ยว


ว่ากันว่าเขตแมนฮัตตัน เป็นสถานที่ที่น่าเดินท่องเที่ยวสำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศของเมืองใหญ่ แต่เป็นฝันร้ายของคนเดินทางด้วยรถ

สำหรับเจ้าของ Bugatti Veyron คันนี้ ฝันร้ายได้กลายเป็นจริงเมื่อเขาถูกรถบรรทุกเฉี่ยวชนเข้าที่ซุ้มล้อหน้า แม้จะเป็นรอยแผลที่ไม่รุนแรงนัก แต่สำหรับไฮเปอร์คาร์ Veyron ร่องรอยเท่านี้ก็บาดลึกเข้าไปในจิตใจของเจ้าของไปอีกนานแสนนาน

ไม่มีการรายงานถึงสาเหตุหรือที่มาของอุบัติเหตุ แต่มีภาพที่ถูกส่งต่อกันทางอินสตาแกรม โดยป้ายทะเบียนของไฮเปอร์คาร์อิตาเลียนคันนี้บ่งบอกว่ามาจากซาอุดิอาระเบีย ดังนั้นอาจเป็นของมหาเศรษฐีชาวอาหรับ

Porsche ซุ่มพัฒนา “984” บนพื้นฐานซูเปอร์คาร์ 918 Spyder

รายงานข่าวล่าสุดโดยเวบไซต์ Automobile Magazine ระบุว่า Porsche กำลังพัฒนารถรุ่นใหม่ที่มีโครงสร้างแบบ 2+2 ที่นั่ง บนพื้นฐานของรถซูเปอร์คาร์รุ่นท็อป 918 Spyder

ข่าวระบุว่า รถรุ่นนี้จะใช้ชื่อรหัส 984 ใช้แชสซีส์คาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาแบบเดียวกับ 918 Spyder แต่ถูกขยายให้ยาวขึ้น ทีมวิศวกรจึงสามารถใส่ประตูหลังเพิ่มอีกสองบาน พร้อมด้วยเบาะที่นั่งด้านหลังรองรับผู้โดยสารอีกสองคน
เวลานี้ Porsche สร้างรุ่นต้นแบบขึ้นมาแล้ว เป็นผลงานของหัวหน้าทีมดีไซเนอร์อย่าง Michael Mauer มีลักษณะคล้ายกับ 911 โดยเน้นที่เส้นสายหลังคาที่เตี้ยอย่างมาก
918 Spyder ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริดอันซับซ้อน แต่ 984 อาจใช้เครื่องยนต์ทั่วไปขนาด V8 4.6 ลิตร ผลิตพละกำลังประมาณ 700 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ PDK แบบ 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง
หาก 984 ได้รับไฟเขียวให้ผลิตออกจำหน่ายจริง เราอาจได้เห็นมันโลดแล่นออกสู่ตลาดในปี 2017 ค่าตัวจะอยู่ที่ราว 350,000 ยูโร

สาว Sexy โชว์ Bike Wash ผิดท่ารถล้มทับ


เราไม่ควรที่จะหัวเราะหรือ สนุก บนความทุกข์ของผู้อื่น ซึ่งนั่น ก็เช่นกันกับ คลิป Sexy Girl Bike Wash คลิปนี้
แน่นอนว่า ทุกสายตาชายหนุ่ม ต่างสะกดไปที่ สาวสุด Sexy ร้อนแรง สวมส้นสูง และเสื้อผ้าอันน้อยชิ้น ที่กำลังเต้นย่วนยวน จนตาเยิ้ม อยู่กับมอไซค์ตัวแรง
แต่แล้วเหตุการณ์ ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขณะที่เธอ กำลัง สยายผมยาว สลวยขึ้นบนฟากฟ้า โอวไม่นะ!
หวังว่าเธอคงไม่เป็นอะไร ถ้าผมอยู่ตรงนั้น คงตรงรี่เข้าไป ช่วยเธอในทันทีแล้วล่ะ

Google เตรียมผลิตรถยนต์เอง เน้นระบบขับขี่อัตโนมัติ


นอกจากการเป็นยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอนจินและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆมามากมายแล้ว Google ยังตกเป็นข่าวว่ากำลังซุ่มผลิตรถยนต์ด้วยเทคโนโลยีของตนเอง โดยขับเคลื่อนด้วยระบบซอฟต์แวร์ขับขี่อัตโนมัติ
เวบไซต์ Wall Street Journal รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า Google กำลังเจรจากับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เพื่อทำการผลิตรถที่ทาง Google ออกแบบขึ้นเองทั้งคัน ซึ่งกลยุทธ์นี้เกิดขึ้นหลังจากยักษ์ใหญ่ไอทีจากสหรัฐฯ รายนี้ล้มเหลวในการเจรจากับหลายค่ายรถยนต์ในการติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติทีทาง Google คิดค้นขึ้น
รายงานข่าวระบุด้วยว่า Google ยังได้หารือกับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยาง Continental และ Magna International ในการผลิตระบบภายในรถยนต์ด้วยเทคโนโลยีที่บริษัทคิดค้น ซึ่งคล้ายคลึงกับกลยุทธ์ของ Apple ที่ว่าจ้าง Foxconn ในการผลิต iPhone และ iPad ในประเทศจีน ขณะที่ซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะผลิตโดย Apple เอง
รถที่ผลิตโดย Google อาจออกจำหน่ายในจำนวนจำกัดด้วย พร้อมกับมีแผนให้บริการ “แท็กซี่หุ่นยนต์” ที่จะรับผู้โดยสารตามนัดโดยปราศจากผู้ขับขี่ แต่ไม่มีความชัดเจนว่า Google จะดำเนินงานเองหรือเปิดให้บริษัทอื่นบริหารจัดการแทน
ปัจจุบัน ฟลีตรถขับขี่อัตโนมัติของ Google คือรถไฮบริด Toyota Prius

ฉุดไม่อยู่ Mazda เพิ่มจำนวนการผลิตเครื่องยนต์ SKYACTIV เป็น 1 ล้านเครื่อง


Mazda ประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลตระกูล SKYACTIVE เพิ่มอีก 25% จากเดิม 800,000 เครื่องเป็น 1 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี 2014 หลังได้เสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง

การเพิ่มกำลังการผลิตในครั้งนี้ Mazda ระบุว่าต้องติดตั้งสายการผลิตเครื่องยนต์ใหม่ภายในโรงงานที่เมืองฮิโรชิม่า พร้อมกับปรับปรุงสายการผลิตเดิมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันโรงงานในแดนปลาดิบแห่งนี้ทำการผลิตเครื่องยนต์ 4 สูบ MZR ล้วนๆ โดยมีตั้งแต่ขนาด 1.8 ลิตรไปจนถึง 2.5 ลิตร

“เทคโนโลยี SKYACTIV สร้างชื่อเสียงมาอย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่เครื่องรุ่นแรก SKYACTIV-G ติดตั้งอยู่ใน Mazda Demio (Mazda2) ในตลาดญี่ปุ่นเมื่อเดือนมิถุนายน 2554 ซึ่งยอดขายของรถที่วางเครื่องยนต์ SKYACTIV ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ทำให้เราต้องตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตในการสร้างความแข็งแกร่งระบบซัพพลายของเราต่อไป” Kiyotaka Shobuda กรรมการบริหารของ Mazda กล่าว

ค่ายรถญี่ปุ่นรายนี้ชี้ด้วยว่าการเพิ่มกำลังการผลิตสอดคล้องกับกลยุทธ์การกระตุ้นยอดขายรถให้ถึง 1.7 ล้านคันภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2016

นอกจากโรงงานในญี่ปุ่นแล้ว Mazda ยังผลิตเครื่องยนต์ SKYACTIV ที่โรงงาน Changan Ford Mazda Engine ในประเทศจีน ซึ่งเพิ่งเริ่มสายการผลิตเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ ขณะที่โรงงานในเม็กซิโกจะเริ่มเดินไลน์ผลิตในเดือนมีนาคมปีหน้า

ฟอร์ดศึกษาหุ่นยนต์เพื่อพัฒนาระบบเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์


ฟอร์ดเริ่มโครงการวิจัยระยะเวลา 3 ปี ร่วมกับมหาวิทยาลัยเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก โพลีเทคนิค ในประเทศรัสเซีย เพื่อสังเกตการณ์รูปแบบการสื่อสารของหุ่นยนต์ในอวกาศ และศึกษาความเป็นไปได้ในการนำข้อมูลมาใช้พัฒนาระบบเชื่อมต่อการสื่อสารในรถยนต์

ฟอร์ด เดียร์บอน มิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยถึงโครงการศึกษาระบบการสื่อสารระหว่างหุ่นยนต์ที่อยู่ในสถานีอวกาศนานาชาติ และการสื่อสารของหุ่นยนต์ในอวกาศกับพื้นโลก เพื่อนำข้อมูลมาช่วยพัฒนาระบบการเชื่อมต่อสื่อสารระหว่างรถยนต์ในอนาคต

การเปิดตัวโครงการวิจัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอวกาศในประเทศรัสเซียเป็นเวลา 3 ปี โดยร่วมมือกับภาควิชาเทเลมาติกส์ มหาวิทยาลัยเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก โพลีเทคนิค โดยฟอร์ดระบุว่าเป้าหมายสำคัญในการสานความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็คือ การวิเคราะห์ระบบการสื่อสารของหุ่นยนต์ที่อยู่ในอวกาศ เพื่อนำมาใช้กับโครงข่ายการสื่อสารของรถยนต์และช่วยแก้ปัญหาด้านการเดินทางของผู้คนในปัจุบัน


การพัฒนาระบบเชื่อมต่อการสื่อสารในรถยนต์นั้น นับว่ามีศักยภาพในการช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และลดปัญหาการจราจรติดขัดได้ด้วยการทำให้รถยนต์สามารถสื่อสารระหว่างกันได้ รวมทั้งยังสื่อสารกับอาคาร สัญญาณไฟจราจร ฐานข้อมูลในคลาวด์ และระบบอื่นๆ โดยใช้การส่งข้อความหากัน หรือใช้วิธีตรวจจับและตอบสนองต่อสัญญาณเตือนการเกิดการชนในระยะประชิด

“ฟอร์ดให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัยและพัฒนาการสื่อสารระหว่างรถยนต์มานานกว่าทศวรรษ การที่เรามีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้จะช่วยให้เราพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่รถฟอร์ดได้ดียิ่งขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งลูกค้าฟอร์ด ผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วโลก และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย” พอล มาสคาเรนาส หัวหน้าทีมฝ่ายเทคนิคและรองประธานด้านการวิจัยและนวัตกรรมของฟอร์ด กล่าว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากโครงการวิจัยนี้คาดว่าจะช่วยพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สายของฟอร์ดและการวางแผนงานเพื่อการเดินทางในอนาคตของบริษัท (Blueprint for Mobility) แผนงานดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของฟอร์ดในการแก้ไขปัญหาด้านการคมนาคมในโลกยุคที่มีประชากรเพิ่มขึ้นและชุมชนเมืองขยายวงกว้างมากขึ้น ครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่วันนี้จนถึงปี พ.ศ. 2568

มาแล้ว 2013 Mitsubishi Lancer EX โฉมใหม่ Refined Sport Soul


มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย แนะนำ  2013 Mitsubishi Lancer EX ดีไซน์ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Refined Sport Soul” โดดเด่นด้วยชุดแต่งโครเมียมเพิ่มความสปอร์ตหรูกว่าเดิมพร้อมห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ แต่ยังเต็มที่กับเทคโนโลยีแห่งสมรรถนะและความปลอดภัยที่ครบครัน มีให้เลือก 3 รุ่น 6 สี  ราคาเริ่มต้นที่ 799,000 บาท พร้อมขายแล้วที่โชว์รูมรถยนต์ มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป

นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า บริษัทฯ ได้แนะนำ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์  รุ่นปี 2013 ภายใต้แนวคิด “Refined Sport Soul สู่อีกระดับแห่งจิตวิญญาณสายพันธุ์สปอร์ต”  เพิ่มความคุ้มค่าและการตกแต่งในสไตล์พรีเมี่ยมจากการปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกให้สปอร์ต และเพิ่มเติมอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมการตกแต่งภายในที่หรูหรามากยิ่งขึ้น  โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบความโดดเด่นจากดีไซน์ที่ทันสมัยแตกต่างเหนือใคร

สำหรับมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่นปี 2013  มาพร้อมการตกแต่งภายนอกที่เน้นความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยการเสริมคิ้วโครเมียมที่ขอบหน้าต่าง พร้อมการติดตั้งไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบไบซีนอน ระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าและระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเข้าโค้ง (AFS) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 1.8 GLS Ltd.  และ 2.0 GT ในขณะที่การตกแต่งภายในจะเน้นความหรูหรายิ่งขึ้นจากดีไซน์ใหม่สไตล์  Gloss Black  สำหรับรุ่น GT และ GLS Ltd.   และสไตล์ Dark Silver ในรุ่น GLX  โดยทุกรุ่นมาพร้อมแผงประตูคู่หน้าตกแต่งด้วยหนังที่ลงตัวกับเบาะนั่งแบบสปอร์ต

ทั้งนี้ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ยังคงมาพร้อมความโดดเด่นของนวัตกรรมที่ล้ำสมัย  ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์อัจฉริยะเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่นำสมัยของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS ที่ช่วยให้สามารถล็อกหรือปลดล็อก ประตู และฝากระโปรงท้าย รวมไปถึงสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ ไม่ต้องใช้กุญแจ โดยจะติดตั้งมาในรุ่น GLS Ltd เป็นต้นไป มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ทุกรุ่น ยังมาพร้อมมาตรวัดเรืองแสงแบบ Hi-Contrast   ที่ช่วยให้ง่ายต่อการอ่าน พร้อมจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์แบบ Twin type LCD Digital  แสดงผลข้อมูลได้หลายแบบ  พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายด้วยกระจกไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ ด้านคนขับ พร้อมระบบ Safety รวมไปถึงกระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า  และระบบพับเก็บกระจกมองข้างอัตโนมัติเมื่อกดล็อกรถ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกรถ  (Welcome lighting) และ ระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (Coming Home lighting) ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่น  GLS Ltd.  และรุ่น GT มาพร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ที่สามารถเลือกปรับการใช้งานได้หลากหลายทั้งระบบควบคุมเครื่องเสียง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)  นอกจากนี้ ในรุ่น GT ยังคงมาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)  ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ตามความต้องการ โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย   นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบความบันเทิงครบครัน โดยในรุ่น GT มาพร้อมเครื่องเล่นดีวีดี วีซีดี MP 3 พร้อมจอภาพ Touch  screen ขนาด 7.0 นิ้ว พร้อมชุดอุปกรณ์ต่อพ่วง iPod / USB และระบบเชื่อต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย และระบบนำทางในรถยนต์ ในขณะที่รุ่น GLX และ GLS Ltd.  มาพร้อมระบบเครื่องเสียงใหม่ขนาด 2 Din รองรับวิทยุ ซีดี MP 3 พร้อมชุดอุปกรณ์ต่อพ่วง USB

ในส่วนของระบบความปลอดภัย แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ติดตั้งระบบความปลอดภัยครบครันไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ช่วยกระจายแรงเบรกในแต่ละล้อให้ทำงานได้อย่างสมดุล และระบบเสริมแรงเบรก (BA) เพื่อให้สามารถหยุดรถอย่างมั่นใจ เสริมความปลอดภัยระบบถุงลมนิรภัย Dual SRS ป้องกันทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร  เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าระบบกลไกดึงกลับอัตโนมัติ  พร้อมระบบผ่อนแรงและลดแรงกระแทก ลดผลกระทบเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้อย่างทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ครบทุกความปลอดภัยด้วยระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรมอิมโมบิไลเซอร์ พร้อมเสริมระบบเปิดไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ  (ESS)

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ใหม่  ให้สมรรถนะที่เหนือชั้นจากเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร FFV ให้พละกำลังสูงสุด  139 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และ 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 154 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที  DOHC MIVEC II  ทำงานคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ  INVECS-III  CVT  อัตโนมัติ  6 จังหวะ  พร้อม Sport Mode ที่ให้สมรรถนะพร้อมการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น 1.8 ลิตร ที่รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทุกประเภทตั้งแต่เบนซินธรรมดาไปจนถึงแก๊สโซฮอล์ อี 85  ในขณะที่รุ่น 2.0 ลิตร รองรับได้ถึงแก๊สโซฮอล์ อี 20
ราคาโดนใจ

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่นปี 2013 มี  3 รุ่นได้แก่รุ่น 1.8 GLX , 1.8 GLX Ltd. และ 2.0 GT เพื่อตอบสนองทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า พร้อม 6 สีให้เลือก สีแดงเมทาลิก (Red Metallic)  สีบรอนซ์เงิน (Cool Silver) สีขาวมุก (White Pearl)  สีเทาดำ (Eisen Gray Mica) สีดำ (Pyreness Black) และสี้น้ำตาล (Quartz Brown)

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 MIVEC II FFV   GLX               ราคา     799,000 บ าท

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 MIVEC II FFV   GLS  Ltd.      ราคา     899,000 บาท

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์  2.0 MIVEC II   GT                       ราคา  1,054,000 บาท


ข้อเสนอพิเศษ ตังแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน  2556

-ดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้นที่ 0%* (ดาวน์ 25 % ผ่อน 48 เดือน) หรือเลือกรับฟรีคูปองน้ำมัน 65,000 บาท

-หรือดาวน์ต่ำเริ่มต้นเพียง 39,699 บาท (เงื่อนไขเงินดาวน์ 5% คำนวณจากรุ่น GLX) และรับฟรีคูปองน้ำมัน 65,000 บาท

-หรือ ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 8,799 บาท (เงื่อนไขเงินดาวน์ 25% ผ่อน 84 เดือน คำนวณจากรุ่น GLX) และรับฟรีคูปองน้ำมันมูลค่า 65,000 บาท

-ฟรีไดมอนด์ โปรเทคชั่น” ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี

-รับสิทธิ์ลุ้นทัวร์ญี่ปุ่น  5 วัน 3 คืน จำนวน  150 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท

Ford S-MAX Concept ว่าทีรถเอ็มพีวีเจนเนอเรชั่นใหม่


Ford โชว์โฉม S-MAX Concept รถเอ็มพีวีต้นแบบที่จะถูกพัฒนาต่อยอดเป็นรุ่นโปรดักชั่นในอนาคตอันใกล้ โดยเตรียมนำตัวจริงจัดแสดงบนเวทีที่แฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์

S-MAX เจนเนอเรชั่นแรกเปิดตัวออกทำตลาดตั้งแต่ปี 2006 ถึงเวลาที่จะเปิดตัวเจนเนอเรชั่นใหม่ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นภายในปีหน้า สำหรับรุ่นต้นแบบคันนี้เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่ดูปราดเปรียวขึ้น มาพร้อมกับเอกลักษณ์การออกแบบคล้ายกับ Fusion และ Fiesta โฉมไมเนอร์เชนจ์ โดยเฉพาะกระจังหน้าสไตล์ Aston Martin

สไตล์ตัวถังของ S-MAX ค่อนข้างสปอร์ตด้วยเส้นสายหลังคาที่ลาดเอียง ซุ้มล้อบึกบึน ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ สปอยเลอร์บนหลังคาและการตกแต่งด้วยเมทัลลิก

ในห้องโดยสารเป็นแบบสี่ที่นั่งซึ่งสามารถพับให้แบนราบได้เพื่อเพิ่มเนื้อที่บรรทุกสัมภาระ Ford ใช้การตกแต่งในห้องโดยสารที่เรียกว่าหนังแบบ ultra-soft มีลักษณะสปอร์ตคล้ายคาร์บอนไฟเบอร์และให้ความหรูหราแบบหนังแท้

นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ Ford Sync ที่สามารถตรวจวัดสุขภาพของผู้โดยสารได้โดยเฉพาะระดับน้ำตาลในเลือดและอัตราชีพจรโดยใช้เซ็นเซอร์ที่ฝังอยู่ในเบาะที่นั่ง

ใต้ฝากระโปรงเป็นเครื่องยนต์ EcoBoost 1.5 ลิตร ซึ่งจะถูกใช้ใน 2014 Fusion เป็นครั้งแรก ให้พละกำลังสูงสุด 178 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตร

ความฝันสู่ F1 “แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค” นักแข่งชาวไทย

แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค นักขับสัญชาติไทย ด้วยวัย 18 ปี กำลังโลดแล่นฝ่าฟันอยู่ในการแข่งขันยูโรเปี้ยนฟอร์มูล่า 3 โอเพ่นแชมป์เปี้ยนชิพ เป็นที่จับตาเป็นอย่างมากของสื่อต่างชาติ โดยเฉพาะสื่อสัญชาติยุโรป ที่เห็นนักขับไทยหน้าใหม่ ไม่เพียงมาได้ไกลกว่าที่คาด แต่กำลังครองตำแหน่งผู้นำคะแนนรวมในตารางแชมเปี้ยนชิพอยู่ ด้วยคะแนน 157 คะแนน ซึ่งก็เหลืออีกเพียงแค่ 3 สนามเท่านั้นก่อนสิ้นสุดฤดูกาลการแข่งขัน


แซนดี้ในฐานะตัวแทนประเทศไทยที่ได้รับการสนับสนุนจาก สิงห์คอร์ปเปอร์เรชั่น เดอะพิซซ่าคอมปะนี ดาคอนอินสเป็คชั่น ราชยานยนต์สมาคม และ การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ขึ้นโพเดียมรวมทั้งหมด 6 ครั้ง และสามารถคว้าแชมป์มาครอง 1 ครั้ง ยังความภาคภูมิใจอย่างมากสู่ประเทศไทย ที่ได้ฟังเสียงเพลงชาติไทยที่ถูกลืมในวงการมอร์เตอร์สปอร์ตดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งในยุโรป

แซนดี้เริ่มขับรถโกคาร์ทมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เริ่มแข่งครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ ได้ที่ 3 มาครอง จากนั้นแซนดี้ก็แข่งรถโกคาร์ทเรื่อยมา จนกระทั่งอายุ 12 ปี คว้าแชมป์โกคาร์ทระดับเอเชียมาครอง ทำให้เขาหยุดการแข่งโกคาร์ทและเริ่มขยับขึ้นสู่รถยนต์ทางเรียบล้อเปิด หรือ ระดับฟอร์มูล่า โดยมีเป้าหมายที่จะเข้าสู่การเป็นนักขับ F1 ความฝันอันสูงสุดของเขา เมื่ออายุ 14 ปี แซนดี้มุ่งมั่นเก็บตัวฝึกซ้อมรถฟอร์มูล่าตลอดทั้งปี พัฒนาความแข็งแกร่งของร่างกาย และทดสอบกับสนามจริงทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย และ จีน ด้วยรถฟอร์มูล่า บีเอ็มดับเบิ้ลยู และ ฟอร์มูล่าเรโนลด์เพื่อมุ่งสู่การเป็นนักขับมืออาชีพ เมื่อเขาอายุครบ 15ปี เขาตัดสินใจลงแข่งในรุ่นเอเชี่ยนฟอร์มูล่าเรโนลด์ และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ทั้งๆที่เป็นนักขับที่อายุน้อยที่สุด และเป็นปีแรกของเขาในการแข่งระดับฟอร์มูล่า นอกจากนี้ยังเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์นี้มาครองได้สำเร็จอีกด้วย

เมื่อสำเร็จในระดับเอเชียแล้ว แซนดี้จึงขยับตัวขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอีก เขาเข้าสู่การแข่งขันระดับนานาชาติอย่างฟอร์มูล่าเรโนลด์ยูโรคัพ ท่ามกลางนักขับรุ่นเยาว์ทั้งหมด 36 คัน ที่มีการันตีแชมป์จากประเทศต่างๆทั่วโลกมาประชันฝีมือกัน แซนดี้ในฐานะนักขับไทยต้องปรับตัวอย่างหนักในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นกับเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นกว่าระดับเอเชีย ทนกับภูมิอากาศที่หนาวเย็น สนามแข่งที่ไม่คุ้นเคยในขณะที่คู่แข่งหลายคนสัญชาติยุโรปมีโอกาสได้ฝึกซ้อมมามากกว่า การจัดการเรื่องยาง และการเตรียมความพร้อมของรถ ปีแรกในยุโรป แซนดี้ทำอันดับได้ที่ 28 ในฟอร์มูล่าเรโนลด์ยูโรคัพ และ ขึ้นเป็นอับดับที่ 14 ในฟอร์มูล่าเรโนลด์ นอร์ธเทิร์นยูโรเปี้ยนคัพในปีถัดมา และเขาก็พยายามพัฒนาตัวเองอยู่อย่างต่อเนื่อง
กระทั่งปี 2013 หรือ พ.ศ 2556 นี้ หลังจากผลงานของแซนดี้เข้าตาทีม RP Motorsport ทีมแชมป์สัญชาติอิตาลี แซนดี้ได้รับการทาบทามให้ลงแข่งยูโรเปี้ยนฟอร์มูล่า 3 โอเพ่น เป็นซีรีส์ที่ใหญ่ขึ้น มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 30คัน ใช้เทคโนโลยีล่าสุดของดาลาร่า (Dallara) ที่มีดาวน์ฟอร์ซสูงอย่างรถ F312 ด้วยประสบการณ์ในยุโรปตลอด 2ปี ที่ผ่านมา การฟิตซ้อมร่างกายกับศูนย์ Shape Driver ในประเทศอิตาลี พร้อมการดูแลและแนะนำของโค้ชระดับมืออาชีพ อย่าง นีล จานี อดีตนักขับทดสอบ Red Bull F1 แซนดี้แสดงฝีมือให้เห็นโดยเข้าสู่อันดับ 4 และอันดับ 1 ในการแข่งฟอร์มูล่า 3 สนามแรกของเขาที่พอร์ลริคาร์ดเซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส ส่งผลให้แซนดี้ขึ้นเป็นผู้นำในทันที และต่อเนื่องมาจนกระทั่งล่าสุดซิลเวอร์สโตนเซอร์กิตซึ่งเป็นสนามที่ 5 ของการแข่งขัน

แม้ว่าจะอยู่ในตำแหน่งผู้นำจ่าฝูง แต่แซนดี้ก็ไม่ลืมที่จะเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ เขากล่าวว่า “ผลการแข่งขันในภาพรวมออกมาดี ผมก็ดีใจมากที่พัฒนาตัวเองมาอยู่ตรงจุดนี้ แต่ผมก็ตระหนักว่ามันเป็นเวลาที่ผมต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะได้ขึ้นโพเดียมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคว้าแชมป์ของฤดูกาลนี้ ที่ผ่านมาผมดีใจมากที่ไม่มีอุบัติเหตุใดใดในการแข่ง ผมคิดว่าการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างทีมกับผมไปจนสิ้นสุดฤดูกาลการแข่งขัน จะเป็นกุญแจหลักที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายที่เราตั้งไว้”
เมื่อไม่นานนี้เอง แซนดี้ก็ได้รับการทาบทามจากทีมในระดับ GP2 และ F1 ที่ต้องการจะผลักดันเขาขึ้นสู่การเป็นนักขับ F1 ในอนาคต ในระหว่างนี้อยู่ในการพูดคุยตกลงกันที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน GP2 ซึ่งเป็นซีรีส์ยอดฮิตที่ผลักดันนักขับขึ้นสู่ F1 มาแล้วหลายคน

แซนดี้ตั้งเป้าหมายจะขึ้นสู่ F1 ให้ได้ภายใน 3 ปี จากนี้ แม้ว่าวงการ Motorsport จะยังไม่เป็นที่รู้จักในสายตาคนไทย แต่ในวันนี้ประเทศไทยเรา มีนักขับสัญชาติไทยที่โดดเด่นโลดแล่นอยู่ในเวทีระดับนานาชาติ จึงขอฝากคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วยการให้กำลังใจเชียร์นักขับไทย แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค ขึ้นเป็นนักขับฟอร์มูล่าวันได้สำเร็จ

สำหรับสนามที่ 6 ของการแข่งขันของยูโรเปี้ยนฟอร์มูล่า 3 โอเพ่น จะมีขึ้นในวันที่ 7-8 กันยายน 2556 ณ สนาม สปาร์-ฟรองคอฌองส์ (Spa-Francorchamps Circuit) ประเทศเบลเยียม ติดตามเชียร์แซนดี้ได้ผ่านการถ่ายทอดสดทางเว็ปไซต์ www.live.f3open.net

Audi R8 V10 แปลงโฉมหัวจรดท้ายเป็นเวอร์ชั่น “PPI Razor Spyder GTR”

บริษัทออกแบบยานยนต์แห่งเยอรมนี PPI Speed Design GmbH โชว์แพ็คเกจการปรับแต่งซูเปอร์คาร์ Audi R8 V10 Spyder ชนิดไม่เสียดายรถกันเลยทีเดียว

เป้าหมายหลักของการตกแต่งครั้งนี้อยู่ที่การอัพเกรดเครื่องยนต์ V10 ใหม่ด้วยการปรับกล่อง ECU และติดตั้งระบบระบายไอเสีย รีดพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 621 แรงม้าที่ 7,400 รอบ/นาที แรงบิด 565 นิวตันเมตรที่ 6,400 รอบ/นาที ผลลัพธ์ที่ได้คืออัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ในเวลาเพียง 3.2 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุด 335 กม./ชม.

PPI Speed Design ยังทำการพัฒนาชุดบอดี้คิทที่ผ่านการทดสอบในอุโมงค์ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยบางชิ้นส่วนใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา ส่วนที่น่าสนใจที่สุดคือแผงประตู PPI Spyder ที่มีช่องรีดอากาศขนาดใหญ่โดยผลิตด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เสริมอลูมิเนียม ขณะที่กระจกมองข้างฝังหลอด LED ด้วย

ภายในห้องโดยสารสะดวกสบายและสปอร์ตเต็มพิกัดด้วยเบาะคาร์บอนไฟเบอร์แบบปรับอุณหภูมิได้ พวงมาลัยแบบรถแข่ง ตกแต่งแผงประตูและที่วางแขนใหม่ รวมถึงการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เสริมความสปอร์ตทั่วทั้งห้องโดยสาร


เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งเอส-คลาสใหม่รับลูกค้าเศรษฐี

เปิดตัวในตลาดโลกไปได้แค่แปปเดียว เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ก็เดินหน้าตามนโยบายท้าชนผู้นำเข้ารายย่อย เมื่อเตรียมงานเปิดตัวเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ในประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่กันในวันที่ 5 กันยายน 2556 ที่จะถึงนี้ เรียกว่าเกรย์ยังไม่ทันได้ขยับตัว งานนี้สำนักงานใหญ่ตึกรัจนาการเดินหน้าอย่างว่องไว


เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกาศว่าเอส-คลาสใหม่คือความทะเยอทะยานสู่การเป็นยานยนต์ที่ดีที่สุดในโลก (The best automotive in the world) ด้วยปัจจัยทางด้านวิศวกรรมที่สำคัญ 3 ประการ ประกอบไปด้วย การขับเคลื่อนอย่างฉลาดล้ำ, เทคโนโลยีแห่งความประหยัด และสัมผัสแห่งความหรูหรา ซึ่งทั้งหมดนี้นำมาซึ่งเทคโนโลยีที่หลากหลาย ที่ก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดมากมาย และกลายเป็นผู้นำให้กับโลกอุตสาหกรรมยานยนต์

ดร.ดีเทอร์ เซตช์ ประธานกรรมการบริหาร เดมเลอร์ เอจี และหัวหน้าฝ่ายรถยนต์นั่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ บอกว่าแทนที่จะมานั่งเถียงกันว่าอยาได้รถยนต์ที่ปลอดภัยหรือความสวยงาม พละกำลังหรือการประหยัด ความสะดวกสบายหรือความโฉบเฉี่ยว ด้วยความทะเยอะทะยานที่ว่า ดีที่สุดหรือก็ไม่มีเลย (The best or nothing) ในทุกความเคารพของเรา จะไม่มีรถยนต์คันไหนในแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่สะท้อนคำมั่นสัญญานี้ได้ดีกว่าเอส-คลาสไปอีกแล้ว

ในแง่มุมของสัมผัสที่หรูหรานั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนที่การออกแบบภายในของตัวรถ ไม่ว่าจะผ่านเบาะที่นั่งหรือระบบปรับอากาศ ระบบควบคุมหรืองานออกแบบ ระบบอินโฟเทนเมน์หรือความสะดวกและความปลอดภัยภายในตัวรถ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสูงสุดที่ทีมวิศวกรได้สรรค์สร้างให้กับตัวรถและสำหรับทีมงานเอง

ในแง่ของตวามปลอดภัยที่เริ่มต้นกันมากับระบบ PRE-SAFE® ที่เริ่มใช้มาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และต่อเนื่องมากับระบบ DISTRONIC PLUS ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาที่มิติใหม่ของการขับขี่ เมื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยถูกควบรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ เรียกว่าการขับเคลื่อนอย่างฉลาดล้ำ ซึ่งระบบใหม่ที่พัฒนาเข้ามาช่วยให้เอส-คลาสใหม่ สะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

จากการนำเสนอเทคโนโยีด้านความประหยัดในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถบรรลุเป้าหมายในการทำให้เครื่องยนต์ 150 กิโลวัตต์ ใช้น้ำมันเพียง 4.4 ลิตรต่อการวิ่ง 100 กิโลเมตร สำหรับเอส-คลาสใหม่ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.24 นอกจากจะทำลายสถิติของรุ่นเดิมแล้ว ยังถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในกลุ่มระดับเดียวกันไปโดยปริยาย

รถยนต์คันดังกล่าวยังสร้างสถิติเป็นรถยนต์คันแรกของโลก ที่ไม่มีการใช้หลอดไฟส่องสว่างแบบเดี่ยวในทุกระบบส่องสว่างทั้งภายในและภายนนอกตัวรถ โดยได้นำเทคโนโลยีแอลอีดีมาใช้งานทั้งหมด โดยโคมไฟหน้าจะประกอบด้วยแอลอีดี 56 ดวง ไฟท้ายประกอบด้วยแอลอีดี 35 ดวงและเพิ่มอีก 4 ดวงสำหรับไฟตัดหมอกหลัง ขณะที่ห้องโดยสารภายในจะใช้ไฟแอลอีดีรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 300 ดวง

เปิดตัวในตลาดโลกด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 2 รุ่น ได้แก่ เอส400 ไฮบริดและเอส300 บลูเทค ไฮบริด ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาประกอบไปด้วยเอส350 บลูเทคและเอส500 ซึ่งแน่นอนว่าสำนักแต่งคู่ใจอย่างเอเอ็มจี ก็ออกเอส63 เอเอ็มจีมาประกบในทันที และทางเดมเลอร์ ก็ประกาศว่าอยู่ระหว่างการทำการทดลองเอส500 ปลั๊กอิน ไฮบริด ซึ่งจะใช้น้ำมันน้อยกว่า 3 ลิตรในการวิ่ง 100 กิโลเมตรให้ได้










วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

2014 Honda Fit Shuttle ปรับโฉมเล็กมินิเอ็มพีวี ออกขายในญี่ปุ่น


ถึงแม้ Honda จะเปิดตัว Fit / Jazz เจนเนอเรชั่นใหม่ออกมาแล้ว แต่การปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ 2014 Fit Shuttle อเนกประสงค์เอ็มพีวีขนาดซับคอมแพกต์เวอร์ชั่นล่าสุดยังบนใช้พื้นฐานของรุ่นเดิมอยู่ โดยออกเจาะตลาดประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ

2014 Fit Shuttle ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ที่กันชนหน้า กระจัง ล้ออัลลอยและดุมล้อแบบใหม่ นอกจากนี้ยังมีรุ่นย่อย Smart Selection สำหรับเวอร์ชั่นไฮบริด ซึ่งจะหรูหรายิ่งขึ้นด้วยอ็อปชั่นเบาะคู่หน้าปรับอุณหภูมิได้ พร้อมการหุ้มหนังแบบพิเศษตัดเย็บด้วยด้ายสีส้มบนพวงมาลัย หัวเกียร์และเบาะที่นั่ง

สำหรับเครื่องยนต์ยังคงใช้บล็อกเดิม เบนซิน i-VTEC 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร ให้พละกำลัง 120 แรงม้า ขณะที่รุ่นไฮบริดใช้เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ CVT

2014 Honda Fit Shuttle ออกจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นแล้ว สนนค่าตัวเริ่มต้นที่ 1.64 ล้านเยนไปจนถึง 1.99 ล้านเยน

Mercedes-Benz B-Class แต่งเติมความบึกบึนโดย Carlsson


สำนักแต่งเยอรมัน Carlsson เปิดตัวชุดอัพเกรด Mercedes-Benz B-Class เน้นเติมความบึกบึนแฝงด้วยความสปอร์ตปราดเปรียว

รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยชุดบอดี้คิทแอโรไดนามิกรอบคันที่ประกอบด้วยสปอยเลอร์หน้า สกิร์ตด้านข้างและสปอยเลอร์บนฝาประตูท้าย รวมถึงกันชนหลังและแผงดิฟฟิวเซอร์ พร้อมติดตั้งสปริงโหลดกดตัวรถให้เตี้ยลง 30 มม. ปิดท้ายด้วยท่อไอเสียสแตนเลสและล้ออัลลอยลายสวยโดยมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 18 – 20 นิ้ว

ในห้องโดยสารตกแต่งกันพอหอมปากหอมคอด้วยแป้นเหยียบอัลลอย พรมปูพื้นชุดใหม่และบันไดข้างแนวสปอร์ต สำหรับบรรยากาศดูหรูหรายิ่งขึ้นด้วยการหุ้มหนังระดับพรีเมียมทั้งเบาะที่นั่งและแผงแดชบอร์ด

ขณะที่การปรับจูนเครื่องยนต์ รุ่น B180 สามารถอัพเกรดเพิ่มขึ้นเป็น 146 แรงม้า ส่วนรุ่น B200 จะมีพละกำลังอยู่ที่ 187 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร และรุ่นสูงสุด B250 จะถูกอัพเกรดเป็น 253 แรงม้า แรงบิดมากถึง 420 นิวตันเมตรเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม Carlsson ไม่ได้บอกรายละเอียดการโมดิฟายด์ในครั้งนี้

เผยโฉม 2014 Lexus GX แต่งหน้าทาปากเพิ่มความสดใหม่


Lexus ประกาศเผยโฉมรถมิดไซส์เอสยูวี 2014 GX เวอร์ชั่นปรับไมเนอร์เชนจ์อย่างเป็นทางการแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงที่ด้านหน้า โดยเฉพาะกันชน กระจัง และกรอบไฟพร้อม LED

ที่ด้านท้ายรถมีแผงกันชนหลังชุดใหม่และปรับสไตล์ของกรอบไฟด้วย ขณะที่ในห้องโดยสารเปลี่ยนเพียงวัสดุที่ใช้ตกแต่ง พร้อมใส่ระบบอินโฟเทนเมนท์แสดงผลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วเพิ่มเติม ลูกค้ายังสามารถเลือกชุด Premium Package ยกระดับความหรูหราด้วยเบาะแบบมีรูระบายอากาศ เบาะคู่หน้าปรับอุณหภูมิได้ ระบบควบคุมอากาศแบบแยกสามส่วน ระบบช่วยจอด Intuitive Parking Assist และระบบนำทาง GPS

หากยังไม่พอใจในอ็อปชั่น ก็สามารถเลือกรุ่นย่อย GX Luxury ที่ใช้ช่วงล่างแบบถุงลม มีระบบป้องกันมุมอับสายตา Blind Spot Monitor พร้อมด้วยการแจ้งเตือน Rear Cross Traffic Alert และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

เครื่องยนต์ใช้บล็อก V8 ความจุกระบอกสูบ 4.6 ลิตร พละกำลัง 301 แรงม้า แรงบิด 445 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา พร้อมเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ราว 8 กม./ลิตร

2014 Lexus GX มีค่าตัวเริ่มต้นที่ 49,085 เหรียญสหรัฐฯ เริ่มเปิดให้ลูกค้าอเมริกันจับจองในช่วงเดือนกันยายนนี้

ต้องดู! World Greatest Drag Race 3 (ที่สุดของ รถ Drag ภาค 3)

ไม่มีอะไรจะ น่าตื่นตาตื่นใจไปกว่านี้อีกแล้ว เมื่อสุดยอดรถทั้ง 12 คัน มารวมตัวกันบนรันเวย์ เพื่อค้นหาว่าคันไหนจะเป็นรถที่เร็วที่สุด ในตลาด ณ เวลานี้? มาหาคำตอบกันได้ใน World Greattest Drag Race 3 (ที่สุดของ รถ Drag ภาค 3)

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เคยมี World Greattest Drag Race และ World Greattest Drag Race 2 จากรายการ Motor Trend กันไปเป็นที่เรียบร้อย โดยในภาคแรก เจ้าของแชมป์ คือ GT-R ก่อนที่จะเสียบัลลังค์ ให้กับ Aventador ในภาค 2
กลับมาภาค 3 นี้ จะมาล้างแค้นได้สำเร็จ หรือไม่ ด้วย Nissan GT-R Track Edition แต่ก็มีคู่แข่งใหม่ อื่นที่น่ากลัวเพิ่มเข้ามา อาทิ SRT Viper, Aston Martin Vanquish และ Porsche 911 Carrera 4S และอีกหลายคันที่ยอดเยี่ยมคู่ควรแก่การขับอีกมาก

สต๊าฟของ Motor Trend ได้มุ่งหน้าไปที่ฐานทัพอากาศ ว่าคันไหนจะเป็นรถที่เร็วที่สุด ในการวิ่งแข่งแบบ Drag Unlike the Best Driver’s Car event, the drag race you’re about to see is all about pure speed and outright performance. It’s that simple.