วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ได้แล้วผู้ชนะ MediaCorp Subaru Challenge 2013 (แตะรถชิงรถ) เป็นชาวสิงคโปร์ได้รับ Subaru Forester

ในที่สุดการแข่งขันแตะรถมาราธอน สุดหฤโหด ก็ได้จบสิ้นแล้ว หลังจากเริ่มการแข่งขันเมื่อวันเสาร์26 ตค. 2556 ช่วงบ่ายที่ผ่านมา และได้ทราบผลกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ Last Man Standing จากทั้งสิ้น 400 คน โดยได้รับรางวัล Subaru Forester 2.0i premium มูลค่า 85,000 ดอลลาร์สิงคโปร์



นาย Yusman Wright เจ้าถิ่นชาวสิงคโปร์ อายุ 43 ปี ผู้ชนะเลิศได้ขับ Subaru Forester 2.0i premium กลับบ้านผู้นี้ สามารถเอามือกาว ของเขาแตะรถ ทำเวลาได้นานถึง 75 ชม. 1 นาที โดยที่ครั้งนี้นับเป็นปีที่ 6 แล้วที่เขาได้เข้าร่วมแข่งในรายการนี้

สำหรับทีมที่มีเวลารวมกันมากที่สุด คือ ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับรางวัลประเภททีม มูลค่า 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์

ขณะที่สถิติของ Subaru Challenge ยังไม่ถูกทำลาย ในปี 2008 ที่ ผู้ชนะได้สร้างสถิติไว้ 81 ชม. 32 นาที

ฟอร์ดประกาศส่ง “เฟียสต้า-เอคโค่สปอร์ต” ยึดตลาดรถเล็ก

ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศเดินหน้าทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ปลายปีนี้ พร้อมที่จะส่ง เฟียสต้า อีโคบูสต์ เครื่องยนต์ใหม่ พร้อมด้ว เอคโค่สปอร์ต ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ให้ลูกค้าชาวไทยได้จับจอง ก่อนที่จะเริ่มส่งมอบอย่างเป็นทางการในปีหน้า



จากที่เราได้มีการรายงานถึงการเปิดไลน์การผลิตอย่างเป็นทางการสำหรับฟอร์ด เฟียสต้า อีโคบูสต์ ไปแล้วก่อนหน้านี้ ล่าสุด ได้มีการยืนยันจากผู้บริหารของฟอร์ดแล้วว่า ทั้งเฟียสต้าใหม่และเออร์บัน เอสยูวี รุ่นแรกของประเทศไทยอย่างฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต จะเปิดให้รับจองในงานแสดงรถยนต์สิ้นเดือนหน้า

ธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่าในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ที่จะจัดในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ฟอร์ดพร้อมที่จะเดินหน้าทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กในประเทศไทย ด้วยการเปิดรับของรถยนต์รุ่นใหม่อย่างเฟียสต้า ที่มาพร้อมเครื่องยนต์อีโคบูสต์

นอกจากนี้ จะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับรถยนต์เอสยูวีระดับบี-เซกเมนต์ ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ซึ่งรายละเอียดทางด้านราคาและการทำตลาดจะได้เห็นในช่วงเดียวการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

ทั้งนี้ เอคโค่สปอร์ตจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ขนาด 110 แรงม้าที่ให้แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ซึ่งเป็นการยกเครื่องยนต์และเกียร์มาจากเฟียสต้า 1.5 ลิตรที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน

“เฟียสต้า อีโคบูสต์จะเน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ต้องการรถยนต์ที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก ขณะที่เอคโค่สปอร์ตจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและโดดเด่น มีความต้องการในการใช้รถที่หลากหลายกว่า ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน”

เอคโค่สปอร์ตจะเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ต่อจากโฟกัสที่ทำการผลิตที่โรงงานฟอร์ด แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) ซึ่งนอกจากการทำตลาดรถยนต์ในรุ่นดังกล่าวแล้ว มีข่าวลือว่าฟอร์ดพร้อมจะนำเครื่องยนต์อีโคบูสต์ 1.0 ลิตรมาเพิ่มเป็นทางเลือกให้ลูกค้าในอนาคต รวมถึงมีแผนพิจารณาเพื่อส่งออกในภููมิภาคนี้ไปยังตลาดต่าง ๆ

ขณะเดียวกัน แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ก็เชื่อว่าฟอร์ดพร้อมจะเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าทีต้องการเฟียสต้า เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรด้วยเช่นกัน แต่คาดว่าจะไม่มีการเปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวในปีนี้ จะเน้นการทำตลาดเครื่องยนต์อีโคบูสต์ไปก่อนเท่านั้น

อีซูซุเตรียมเปิดตัว มิว-เอ็กซ์ อย่างเป็นทางการเย็นนี้

สร้างความสงสัยให้กับบรรดาผู้ที่ติดตามตั้งแต่วันเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่หมด เพราะอีซูซุประกาศก้องล่วงหน้า ว่าจะไม่มีการพัฒนารถยนต์เอนกประสงค์รุ่นใหม่บนพื้นฐานของดีแมคซ์ใหม่หมดไปอย่างน้อย 2 ปี และผ่านมาจนถึงวันนี้ ก็จะเป็นวันเปิดตัว มิว-เอ็กซ์ รถยนต์ดัดแปลงรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ



ที่สร้างความสงสัยก็เพราะว่าเอาจริง ๆ แล้ว หากมองในแง่ของการพัฒนานั้น ไม่น่าจะยากเย็นอะไร เพราะพื้นฐานของการพัฒนาก็ไม่น่าจะแตกต่างจากแฝดคนละฝาอย่างเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์มากนัก แต่กลับกลายเป็นว่า อีซูซุปล่อยพี่เชฟขายก่อนร่วมปีจนแทบจะไมเนอร์เชนจ์เปลี่ยนเครื่องกันอยู่แล้ว

แต่เมื่อมาแล้วเราก็ต้องให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ เพราะอย่าลืมว่าอีซูซุเองก็มีอดีตที่ไม่ค่อยจะสวยหรูนักกับรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ เพราะต้องยอมรับว่าหากมองไปที่ยอดขายของรุ่นเดิมอย่างมิว-7 ก็ไม่ได้เป็นรุ่นที่ทำยอดขายเป็นหลักให้กับอีซูซุ

การกลับมาของมิว-เอ็กซ์ นอกจากจะเป็นการเปิดตัวรถใหม่แล้ว ยังถือเป็นการล้างมืออีกครั้งของทีมงานพัฒนารถยนต์ของอีซูซุ เพราะหากมิว-เอ็กซ์ไม่สามารถทำยอดขายขึ้นมาอยู่ในระดับแถวหน้าของเซกเมนต์รถยนต์ดัดแปลงได้ คู่แข่งอย่างโตโยต้าและมิตซูบิชิ รวมถึงผู้ที่รอเปิดตัวอยู่อย่างฟอร์ดก็คงได้กำลังใจไปโข

แต่ก็อย่าคิดว่าจะง่ายเช่นกัน เพราะเอาจริง ๆ อีซูซุเองก็คงทำการบ้านมาแล้วเป็นอย่างดี เพราะเห็นได้จากความพยายามในการใส่อุปกรณ์ที่ช่วยยกระดับความหรูหราของรถยนต์กลุ่มนี้ รวมไปถึงการเป็นรถยนต์ครอบครัวเข้าไปอย่างเต็มพิกัด

การออกแบบภายนอกมีการติดตั้งซูเปอร์ เดย์ไลท์ ซึ่งเห็นกันได้ในรถยนต์หรูหราทั่วไป กระจังหน้าแบบ 3 มิติ รางหลังคาและสปอยเลอร์หลังคาที่ออกแบบมาอย่างลงตัว และไฟท้ายที่ได้รับการพัฒนาใหม่ แม้จะไม่ใช่แอลอีดีแต่ก็สร้างมิติของความสว่างที่มากขึ้น

ขณะที่ภายในห้องโดยสารอัดอุปกรณ์มาอย่างเต็มที่ เบาะหนังกึ่งแท้ พร้อมด้วยระบบปรับไฟฟ้าด้านคนขับ ระบบพับเบาะแบบสะดวก กุญแจอัจฉริยะที่มาพร้อมระบบ Gemius Entry พร้อมติดตั้งระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบมาให้

เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยให้สมกับเป็นรถยนต์ครอบครัว ด้วยการติดตั้งดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ระบบเสริมแรงเบรกและระบบกระจายแรงเบรก มีระบบควบคุมการทรงตัวและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี พร้อมด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดทั้ง 7 ที่นั่ง

ช่วงล่างแบบคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ และช่วงล่างหลังแบบ 5-ลิงค์ แอคทีฟ พร้อมเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ โดยมีเครื่องยนต์มาตรฐานยูโร 4 มาให้เลือก 2 รุ่นใน 4 โมเดลย่อย ได้แก่เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ขนาด 177 แรงม้าและเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ขนาด 136 แรงม้า โดยใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดทั้งหมด

สีตัวถังภายนอกมีให้เลือก 5 สีด้วยกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสียอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นขาวมุกที่ต้องเพิ่มเงินอีก 1.2 หมื่นบาท สีดำ สีบรอนซ์เงิน สีฟ้าอ่อน รวมถึงสีใหม่ซึ่งเป็นสีหลักที่ใช้ในการโปรโมตมาตั้งแต่แรกก็คือสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นสีที่สวยสะดุดตาดีไม่หยอก

ราคายังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ และที่สำคัญก็คือดีลเลอร์แต่ละรายก็ได้แค่ราคาประมาณการณ์มาเท่านั้น แต่ที่ว่ากันคร่าว ๆ ดูเหมือนจะเซตราคามาถูกในระดับหนึ่ง เพื่อใช้ดึงลูกค้าในช่วงเปิดตัว

คนไทยเตรียมชมการแข่งขันสุดยอดรถแข่ง ROC 2013 ปีที่ 2 จัดที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน 14-15 ธค. นี้

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แถลงข่าวจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก เรดบูล สิงห์ เรซออฟแชมเปี้ยนส์ 2013 ROC 2013 ปี2 ระหว่างวันที่ 14-15 ธ.ค. นี้ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน



บิ๊กหนุ่มเผยว่า การแข่งขันรถยนต์ระดับโลก เรดบูล สิงห์ เรซออฟแชมเปี้ยนส์ ไทยแลนด์ 2013 ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่สอง ระหว่างวันที่ 14-15 ธันวาคม 2556 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทยหัวหมากโดยการแข่งขันนี้เป็นการรวมแชมป์นักแข่งรถสนามระดับโลกมาพบกัน โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้น 2 วัน คือในวันที่ 14 ธันวาคม จะเป็นการแข่งขันชิงแชมป์ระดับประเทศ(เรซออฟแชมเปี้ยนส์เนชั่นส์คัพ) โดยประเทศที่เข้าร่วม ได้แก่ ไทย, เยอรมนี, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, อินเดีย, และ ญี่ปุ่น และวันที่ 15 ธันวาคม จะเป็นการแข่งขันชิงแชมป์เรซออฟแชมเปี้ยนส์ ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ เพราะเป็นการนำเอาแชมป์จากสนามต่างๆ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาร่วมแข่งขัน

สำหรับนักแข่งที่เข้าร่วมแข่งขัน นำโดย มิชาเอล ชูมัคเกอร์ แชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน 7 สมัย และ เซบาสเตียน เวทเทล แชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน 4 สมัย โรแมง โกรจอง แชมป์เก่ารายการนี้ประเภทเรซออฟแชมเปี้ยนส์ จากฝรั่งเศส ส่วนของไทยมี ติณห์ ศรีตรัย, แซนดี้ สตูวิค(ทีมสิงห์), ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ และ ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ(ทีมโตโยต้า)

ผู้สนใจสามารถหาซื้อบัตรเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือผ่านทาง www.thaiticketmajor.com โดยราคาบัตรเข้าชมเริ่มต้นตั้งแต่ราคา 300, 500, 1,000, 1,500, 3,000 บาท สำหรับการเข้าชมแต่ละวัน

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เผยรถยนต์สีขาวยังคงได้รับความนิยมสูงสุด

ผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกยังคงหลงใหลในรถยนต์สีขาวมากเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดิม ตามมาด้วยสีดำและสีบรอนซ์ จากการสำรวจของ PPG Industries บริษัทวิจัยการตลาด

PPG Industries ซึ่งทำการสำรวจการจับจองรถใหม่ทั่วโลกพบว่าลูกค้า 25% เลือกซื้อรถสีขาวซึ่งสูงที่สุดเป็นปีที่สามติดต่อกัน ขณะที่สีดำและสีบรอนซ์เงินอยู่ที่ 18% เท่ากัน ทั้งนี้ สีขาวสามารถโค่นบัลลังก์สีเงินซึ่งเคยครองอันดับหนึ่งมาอย่างยาวนานนับสิบปีได้ในปี 2011 และยังคงเป็นสียอดฮิตมาจนถึงปัจจุบัน
การสำรวจครั้งนี้ยังแบ่งออกเป็นประเภทยานยนต์ ซึ่งสีขาวก็ยังคงครองแชมป์ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทใดก็ตาม (เฉพาะในตลาดอเมริกา) ยกเว้นรถสปอร์ตซึ่งสีแดงได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีสีน้ำเงินตามมาไม่ห่างซึ่งเพิ่งได้รับความนิยมสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ PPG Industries รวบรวมการจับจองรถทั้งแบบลูกค้าทั่วไปและแบบรถขายฟลีต ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สีขาวได้รับความนิยมสูงสุด

Mercedes-Benz พัฒนาระบบนำทางสำหรับใช้งานกับ Google Glass

Mercedes-Benz รุกพัฒนาระบบนำทางภายในรถยนต์ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Google Glass ผ่านการสั่งงานด้วยเสียง ถือเป็นหนึ่งในค่ายรถเจ้าแรกที่เตรียมรองรับแว่นอัจฉริยะ



Johann Jungwirth ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Mercedes-Benz North America เป็นผู้ยืนยันข่าวนี้ โดยเขาบอกว่าบริษัทฯจะนำเสนอแอพพลิเคชั่นรองรับ Google Glass ในรถยนต์ทันทีที่แว่นดังกล่าวออกจำหน่ายเป็นทางการ โดยปัจจุบัน Google Glass ออกจำหน่ายเฉพาะสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยราคา 1,500 เหรียญฯ คาดว่าคนทั่วไปจะสามารถซื้อหาได้ในปีหน้า

“การพัฒนาแอพสำหรับ Google Glass ถือเป็นการตอกย้ำว่าคุณสามารถเชื่อมต่อกับตัวรถได้อย่างไร้ขอบเขต ไม่ว่าคุณจะนั่งอยู่ในรถหรืออยู่นอกรถก็ตาม” Jungwirth กล่าว

แว่น Google Glass จะเริ่มจากการนำทางเจ้าของไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ สามารถถ่ายทอดจุดหมายจากตัวแว่นไปยังระบบนำทางภายในรถด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สายและยังรองรับแอพพลิเคชั่นอินโฟเทนเมนท์เพื่อความบันเทิงต่างๆได้

“ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตและอินโฟเทนเมนท์ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน ตามปกติแล้ว ผู้ขับขี่จะต้องเหลียวลงมามองหน้าจอบนคอนโซล แต่เมื่อสวม Google Glass คุณก็สามารถมองไปยังท้องถนนเบื้องหน้าและสั่งงานได้” Jungwirth เผย แต่อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่า Mercedes-Benz ไม่สนับสนุนให้ผู้ขับขี่สวม Google Glass ขณะขับรถ