วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชมโฉมซูเปอร์คาร์ออสซี่ ขุมพลังกระชากวิญญาณ W16 14.0 ลิตร 1,200 แรงม้า

มหาเศรษฐีชาวออสเตรเลีย Paul Halstead ประกาศแผนการพัฒนาซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับขุมพลังมหาโหดบล็อก W16 สูบ ความจุ 14.0 ลิตร จ่อเปิดตัวภายในปี 2016

ซูเปอร์คาร์สัญชาติออสซี่รุ่นใหม่ล่าสุดคันนี้จะใช้เครื่องยนต์บล็อก V8 LS7 ความจุ 7.0 ลิตร ทำมุมเอียง 45 องศาจำนวนสองเครื่องประกบกัน เลย์เอาท์ใต้ฝากระโปรงมีลักษณะคล้ายกับ Bugatti Veyron แต่แตกต่างกันที่ซูเปอร์คาร์ออสซี่จะใช้เพลาข้อเหวี่ยงสองตัวทำงานร่วมกับเกียร์ซีเควนเชียลแบบ 6 สปีด ขณะที่ Veyron มีเพลาตัวเดียว
พละกำลังมีให้ใช้มากมายมหาศาลถึง 1,200 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปเพื่อจับแรงม้าทุกตัวลงพื้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ แท่นเครื่องผลิตด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่ตัวถังทำด้วยเคฟลาร์และคาร์บอนไฟเบอร์เน้นน้ำหนักเบา
Paul Halstead เผยว่าโครงการพัฒนาซูเปอร์คาร์คันนี้ไม่ได้ต้องการผลกำไร แต่ทำเพื่อ “ความสนุก” โดยเฉพาะ โดยมีแผนการเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Detroit Autorama ในปี 2016 หากมีคนสนใจจับจองก็จะผลิตในจำนวนจำกัด

เปิดตัว Sin R1 ซูเปอร์คาร์ลูกครึ่งอังกฤษ-เยอรมัน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 2.5 วินาที!

เรายังคงเก็บตกยนตรกรรมสมรรถนะสูงแนวอินดี้จากงาน Goodwood Festival of Speed ที่ประเทศอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเป็น Sin R1 ซูเปอร์คาร์คูเป้หน้าตาล้ำยุค

Sin R1 เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างบริษัท Sin Cars GmbH จากมิวนิคและ ProFormance Metals บริษัทผลิตโลหะจากอังกฤษ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์เตี้ยแบน ตัวถังแบบคูเป้ กรอบไฟหน้าทรงโฉบเฉี่ยว พร้อมไฟเดย์ไลท์ LED สะดุดทุกสายตา
ขุมพลังขับเคลื่อนหยิบยืมเทคโนโลยีของ General Motors เป็นบล็อก V8 รหัส LS3 ความจุกระบอกสูบ 6.2 ลิตร ผลิตพละกำลัง 525 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดของแบรนด์ Graziano ถ่ายลงพื้นสู่ระบบขับเคลื่อนสองล้อหลัง
โครงสร้างห้องโดยสารเสริมแกร่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ แชสซีส์แบบ tubular spaceframe เน้นความเบา โดยมีน้ำหนักตัวรถเพียง 1,200 กก.เท่านั้น การกระจายน้ำหนักหน้า:หลังอยู่ที่ 60:40 อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.เร็วพริบตาภายใน 2.5 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุด 322 กม./ชม.
Sin R1 ใช้ล้ออัลลอยยี่ห้อ Briad ขนาด 19 นิ้ว ระบบเบรกไว้ใจได้ของ AP ใช้จานดิสก์ขนาดเท่ากันหน้า-หลังที่ 362 มม.

Ferrari 458 Scuderia เบาลง 100 กก. เตรียมพบกันที่ Frankfurt Motor Show ปีนี้

Ferrari 458 Italia ได้ทำตลาดมาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว และตอนนี้ทางค่ายม้าลำพอง เตรียมเปิดตัวเวอร์ชั่นดุดัน ดิบกว่าเดิม นั่นคือเวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์ 458 Scuderia

สำหรับ 458 Scuderia คาดว่าจะได้รับการดีไซน์ body kit ใหม่ให้เน้น Aerodynamics ให้ดีขึ้น ซึ่งน่าจะเปลี่ยนกันชนหน้าเป็นแบบใหม่ ที่มีช่องดักลมขนาดใหญ่ขึ้น ตามรายงานได้ระบุว่าจะมีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เป็นปีก ซึ่งติดอยู่ที่ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังอีกด้วย
เครื่องยนต์ขนาด 4.5-liter V8 คาดว่าจะได้รับการปรับจูน ECU ใหม่ พร้อมกับเดินระบบไอเสียใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้มีพละกำลังมากถึง 600 แรงม้า (441 kW) ซึ่งมีมากกว่าเดิมถึง 30 แรงม้า (22 kW)
และน้ำหนักตัวถูกไดเอทลงไป 100 กก. (220 lbs) ทำให้พิกัดตัวอยู่ที่ 1,280 kg (2,822 lbs) แน่นอนว่าทั้งหมดที่กล่าวมานี้ส่งผลให้ 458 Scuderia ใหม่นี้เร็วกว่า 458 Italia โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ต่ำกว่า 3.4 วินาที และ Top Speed สูงกว่า 325 กม./ชม. (202 mph)

Mercedes-Benz SLS AMG Black Series นำทัพดาวสามแฉกโชว์ตัวที่ Goodwood

งานแสดงเทคโนโลยียานยนต์ของเมืองผู้ดี 2013 Goodwood Festival of Speed กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยค่าย Mercedes-Benz ถือเป็นหนึ่งดาวเด่นในงานนี้ นำทัพด้วยซูเปอร์คาร์อย่าง Mercedes-Benz SLS AMG Black Series

ซูเปอร์คาร์ SLS AMG Black Series ออกโชว์ตัวเคียงข้างกับรถคอมแพกต์สมรรถนะสูง Mercedes-Benz A45 AMG ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวจริงครั้งแรกของรถทั้งสองรุ่น นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงยานยนต์รุ่นใหม่อย่างบิ๊กซีดานสุดหรู S-Class พร้อมด้วยรถคลาสิกอย่าง 1910 Benz 21/80 และ 300 SLR Uhlenhaut Coupe
สำหรับขุมพลังขับเคลื่อนของ SLS AMG Black Series รุ่นล่าสุดเป็นบล็อก V8 ความจุ 6.2 ลิตร ผลิตพละกำลัง 622 แรงม้า แรงบิด 634 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.ในเวลา 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุดทะยานไปได้ถึง 315 กม./ชม.
ขณะที่รุ่นเล็ก A45 AMG ใช้บล็อก 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้พละกำลังไม่ธรรมดา 360 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ภายใน 4.6 วินาที ท็อปสปีดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.

Porsche 918 Spyder เปิดหลังคาโชว์ความงามที่ Goodwood

ซูเปอร์คาร์ตัวท็อปรุ่นล่าสุด Porsche 918 Spyder เผยโฉมตัวจริงที่งาน Goodwood Festival of Speed ในประเทศอังกฤษ เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนพันธุ์แท้ยกใหญ่

Porsche 918 Spyder ได้รับการออกแบบผสมผสาน “สมรรถนะเต็มรูปแบบและความประหยัดอย่างเหนือชั้น” ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริดปลั๊กอิน จับคู่เครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.6 ลิตรวางกลางลำและมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 6.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ตัวเครื่องยนต์ผลิตพละกำลังให้ใช้ที่ 608 แรงม้า แรงบิด 530 นิวตันเมตร ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้ามีพลังที่ 156 แรงม้าและ 129 แรงม้า ทำให้ซูเปอร์คาร์ 918 Spyder มีพละกำลังรวมสูงสุดอยู่ที่ 887 แรงม้า แรงบิดมากกกว่า 800 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ในเวลาเพียง 2.8 วินาทีเท่านั้น เร่งจาก 0-200 กม./ชม.กระชากใจที่ 7.9 วินาที ส่วนอัตราเร่ง 0-300 กม./ชม. อยู่ที่ 23 วินาที ความเร็วสูงสุดทะยานไปได้เหนือกว่า 340 กม./ชม.
ถึงแม้จะมีอัตราเร่งอันน่าประทับใจอย่างยิ่ง แต่ 918 Spyder กลับจิบน้ำมันอย่างประหยัดเหลือเชื่อ ด้วยตัวเลข 30.3 กม./ลิตร ปล่อยไอเสียต่ำมากเพียง 79 กรัม/กม. โดยสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆระยะทาง 30 กม.ได้อีกด้วย

Audi R8 Spyder ออกอวดโฉมในภาพยนตร์ The Wolverine

Audi ยังคงเดินหน้าอวดโฉมยนตรกรรมในภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่อย่างต่อเนื่อง หลังจากเคยส่งรถพลังไฟฟ้า R8 e-tron โชว์ความงามใน Iron Man 3 ไปแล้ว ล่าสุดได้เผยโฉมรุ่นเปิดประทุน R8 Spyder ในภาพยนตร์ The Wolverine ซึ่งเพิ่มฉายรอบปฐมทัศน์ในกรุงลอนดอนไปเมื่อวานนี้

นักแสดงหนุ่มหล่อล่ำ ฮิวจ์ แจ็คแมน กลับมารับบท Wolverine อีกครั้ง ซึ่ง Audi เผยว่า “ในภาพยนตร์เรื่องนี้ Wolverine ต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อกรตัวฉกาจ พร้อมกับต้องร่วมการต่อสู้ที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล”
ตลอดภาพยนตร์เรื่องนี้ Wolverine จะใช้รถ R8 Spyder แต่ไม่เพียงจะมีซูเปอร์คาร์เปิดประทุนคันนี้เท่านั้น ในหลายฉากยังมีการปรากฏตัวของ Audi A8 L และ Ducati Diavel อีกด้วย
สำหรับในเมืองไทย The Wolverine จะเข้าฉายในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ แฟนแบรนด์รถสี่ห่วงและคอภาพยนตร์ไม่ควรพลาด

All-New 2014 Mazda3 ซีดาน เผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ว

All-New 2014 Mazda3 เวอร์ชั่นซีดาน ได้ฤกษ์เผยโฉมอย่างเป็นทางการ หลังจากมีภาพหลุดชุดใหญ่ออกมาก่อนหน้านี้

สัดส่วนตัวถังของรถคอมแพกต์ซีดานรุ่นนี้ยาวขึ้นอีก 120 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นแฮทช์แบ็ก โดยมีความยาวเพิ่มขึ้นเป็น 4,580 มม. ระยะฐานล้อเท่ากันอยู่ที่ 2,700 มม. เนื้อที่จัดเก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหลังอยู่ที่ 419 ลิตร มากกว่ารุ่นแฮทช์แบ็ก 69 ลิตร
ในตลาดยุโรป Mazda3 จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สามรุ่น เริ่มต้นด้วยบล็อกเบนซิน SKYACTIV-G ความจุ 1.5 ลิตร พละกำลัง 100 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 20 กม./ลิตร ปล่อยไอเสียต่ำ 118 กรัม/กม.เท่านั้น
รุ่นถัดมาเป็นบล็อกเบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตรซึ่งคาดว่าจะเข้ามาทำตลาดเมืองไทย ให้พละกำลัง 120 แรงม้าและ 165 แรงม้า อัตรากินน้ำมันสำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดาประหยัดพอตัว 19.6 กม./ลิตร ปล่อยไอเสียเพียง 119 กม./ลิตร ขณะที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติกินน้ำมัน 17.8 กม./ลิตร ปล่อยมลพิษไอเสีย 135 กรัม/กม.
เครื่องยนต์บล็อกสุดท้ายเป็นดีเซล SKYACTIV-D ผลิตพลัง 150 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา ซึ่ง 2014 Mazda3 รุ่นดีเซลนี้ถือว่าน่าใช้อย่างมากเพราะมีอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยประหยัดสุดๆ 25.9 กม./ลิตร แถมยังปล่อยไอเสียแค่ 104 กรัม/กม.
เห็นแล้วแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ยลโฉมตัวจริงเสียงจริงของ All-New 2014 Mazda3 ในเมืองไทยซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงปลายปีหน้า

2013 Suzuki Swift ไมเนอร์เชนจ์ ปรับเล็กเพิ่มความสดใหม่

2013 Suzuki Swift เวอร์ชั่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ได้รับการเปิดตัวในประเทศอังกฤษเป็นแห่งแรก หลังจากมีภาพหลุดออกมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว

Swift รุ่นปรับเล็กมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า กระจังหน้า ไฟเดย์ไลท์ LED รูปทรงตัวแอลซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณกรอบไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วที่ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น กรอบไฟหลังเป็นแบบ LED ในรุ่นท็อปไลน์
ในห้องโดยสารไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก มีเพียงผ้าหุ้มเบาะที่นั่งใหม่ที่ผสมผสานสีดำ น้ำเงินและเทาเข้าไว้ด้วยกัน
สำหรับเครื่องยนต์เวอร์ชั่นจำหน่ายในอังกฤษยังคงใช้บล็อกเดิม 4 สูบ 1.2 ลิตร ผลิตพละกำลัง 94 แรงม้า แรงบิด 118 นิวตันเมตร พร้อมด้วยขนาด 1.3 ลิตร พลัง 75 แรงม้า แรงบิด 190 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีดและอัตโนมัติ 5 สปีด
2013 Suzuki Swift จะออกจำหน่ายในประเทศอังกฤษในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า สนนค่าตัวเริ่มต้นที่ 10,799 ปอนด์หรือราว 5 แสนบาท

2014 Mercedes-Benz S63 AMG ซีดานหรูพร้อมแรงม้าฝูงใหญ่ 585 ตัว

Mercedes-Benz ประกาศเผยโฉม 2014 S63 AMG อย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนหน้าการเปิดตัวจริงสู่สาธารณชนที่งานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ในเดือนกันยายนนี้

รูปลักษณ์ภายนอกถูกอัพเกรดความปราดเปรียวสไตล์ AMG อย่างกันชนหน้าที่ดูดุดันกว่าเดิม สกิร์ตข้างทรงโฉบเฉี่ยว ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วและท่อไอเสียสี่ชุด ซึ่งบอดี้พาร์ททั้งหมดทำให้ตัวรถในภาพรวมดูสวยสะดุดตายิ่งขึ้นอย่างชัดเจน
เครื่องยนต์อัดแน่นใต้ฝากระโปรงเป็นบล็อก V8 ความจุกระบอกสูบ 5.5 ลิตร ทวินเทอร์โบ ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 6 ให้พละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดมหาศาล 900 นิวตันเมตร ใช้หัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น อินเตอร์คูลเลอร์เป็นแบบอากาศผ่านน้ำ อ่างน้ำมันเครื่องอลูมิเนียม พ่วงด้วยฟังก์ชั่น ECO สตาร์ทและหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ
ระบบส่งกำลัง AMG SPEEDSHIFT MCT เป็นแบบสปอร์ต 7 สปีด มีโหมดการขับขี่สามแบบคือ C (Controlled Efficiency), S (Sport) และ M (Manual)
เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมแล้ว S63 AMG ปี 2014 มีน้ำหนักเบากว่าถึง 100 กก.เลยทีเดียว จากการใช้ล้ออัลลอยเนื้อฟอร์จ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนและระบบเบรกสองชิ้นที่เน้นน้ำหนักเบา ขณะที่ชิ้นส่วนตัวถังบางอย่างทำด้วยอลูมิเนียมและใช้ที่เก็บยางอะไหล่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ น้ำหนักตัวถังของรุ่นฐานล้อสั้นอยู่ที่ 1,970 กก. ส่วนรุ่นฐานล้อยาวอยู่ที่ 1,995 กก.


ในส่วนของสมรรถนะ 2014 Mercedes-Benz S63 AMG สามารถออกตัวจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลา 4.4 วินาที แต่ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC จะทำได้ภายใน 4 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดล็อกไว้ที่ 250 กม./ชม.
อัตราบริโภคน้ำมันพอรับได้ รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังอยู่ที่เฉลี่ย 10 กม./ลิตร รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้ออยู่ที่ 9.7 กม./ลิตร
หากควักกระเป๋าจ่ายเพิ่ม ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งระบบเบรกคาร์บอนเซนามิกของ AMG ทีมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นสแตนดาร์ด 20% โดยจะมีดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ถึง 420 มม.
2014 Mercedes-Benz S63 AMG จะออกจำหน่ายในโชว์รูมทั่วสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ในยุโรปจะเริ่มทำตลาดภายในช่วงสิ้นปีนี้

Honda แชมป์ยอดขายเดือนมิถุนายน และอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรก

Honda ตอกย้ำความสำเร็จ ในฐานะแบรนด์รถยนต์ยอดนิยมในประเทศไทย เผยยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลประจำเดือนมิถุนายน 2556 ก้าวขึ้นเป็น
อันดับหนึ่งอีกครั้ง ด้วยยอดรวมทั้งสิ้น 17,345 คัน ทั้งยังมียอดขายรถยนต์สะสมในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม – มิถุนายน 2556) สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในตลาด โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 131,458 คัน เพิ่มขึ้น 172% จากช่วงเดียวกันของ
ปีที่แล้ว (จำนวน 48,309 คัน)

ด้วยการเปิดตัวรถยนต์มากสุดถึง 12 รุ่น ภายในระยะเวลาหนึ่งปี ส่งผลให้ Honda
ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และครองความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 นี้ โดยรถยนต์ทุกกลุ่มของฮอนด้าล้วนได้รับ
การต้อนรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าชาวไทย

Honda City รถยนต์ยอดนิยมตลอดกาล
Honda City เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มซับคอมแพคท์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย โดยมียอดขาย
เดือนมิถุนายนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน 9,044 คัน หรือคิดเป็น 39% ของกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทซับคอมแพคท์
และมียอดขายสะสม จำนวนทั้งสิ้น 53,175 คัน (มกราคม-มิถุนายน 2556) หรือคิดเป็น 33.6% ของรถยนต์กลุ่มนี้

Honda Accord ที่สุดแห่งความปรารถนา
ฮอนด้า แอคคอร์ด ยนตรกรรมสุดหรูเจนเนอเรชั่นที่ 9 ที่มาในแนวคิด ที่สุดแห่งความปรารถนาของยนตรกรรม
ระดับพรีเมี่ยม หรูหรา สง่างาม ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ สามารถสร้างยอดขายเดือนมิถุนายน สูงสุดในกลุ่ม
รถยนต์นั่งประเภทครอบครัวด้วยยอดขาย 1,306 คัน หรือคิดเป็น 57.6% และเมื่อนับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนมีนาคม
ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาสามเดือน (เมษายน – มิถุนายน 2556) ฮอนด้าแอคคอร์ดยังครองตำแหน่งยอดขายอันดับหนึ่งของกลุ่มอีกด้วย

Honda CR-V รถสปอร์ตอเนกประสงค์เหนือระดับ
Honda CR-V รถสปอร์ตอเนกประสงค์ เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวเมื่อปลายเดือนกันยายนปีที่แล้ว ด้วยดีไซน์ที่แข็งแกร่ง หรูหรามีระดับ ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ สร้างยอดขายสูงสุดในเดือนมิถุนายน 1,570 คัน หรือคิดเป็น 60% โดยมียอดขายสะสมรวม 14,052 คัน (มกราคม – มิถุนายน 2556) หรือ 76% ของส่วนแบ่งตลาดรถยนต์กลุ่มนี้

Honda Freed ผู้นำเทรนด์รถอเนกประสงค์
นับตั้งแต่ฮอนด้ารุกตลาดรถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว ด้วยการเปิดตัว Honda Freed ใหม่ ที่มีดีไซน์สปอร์ต
โฉบเฉี่ยว เพื่อสร้างเทรนด์ใหม่สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้เมื่อเดือนกันยายน 2555 ส่งผลให้รถยนต์ในกลุ่มนี้มีการเติบโตมากขึ้น โดยฟรีด ใหม่ สามารถสร้างยอดขายเดือนมิถุนายนจำนวน 629 คัน ครองส่วนแบ่ง 39.10% โดยมียอดขายสะสมจำนวน 4,197 คัน หรือ 34.50% (มกราคม ถึง มิถุนายน 2556)
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ความสำเร็จที่มีมาอย่างต่อเนื่องนั้นทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณทุกการสนับสนุนของลูกค้าชาวไทย
ที่ให้การตอบรับรถยนต์ทุกกลุ่มของ Honda ด้วยดีมาโดยตลอด สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 นี้ Honda จะยังคง
มุ่งมั่นในการนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพสูงสู่ลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายการทำตลาดเชิงรุกเพื่อครอง
ความเป็นหนึ่งในตลาด โดยคาดว่าจะสามารถทำยอดการจำหน่ายรวมของปีนี้ได้มากกว่า 200,000 คัน และล่าสุด Honda ยังได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ บนพื้นที่ 1,600 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุน 17,150 ล้านบาท ณ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดปราจีนบุรี โดยโรงงานแห่งใหม่นี้จะมีกำลังการผลิต 120,000 คันต่อปี
พร้อมเริ่มเดินสายการผลิตได้ในปี 2558 และสร้างโอกาสในการจ้างงานประมาณ 2,500 อัตรา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่ง
ของแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ Honda ที่มุ่งเน้นให้มีฐานการผลิตในพื้นที่ที่ใกล้กับลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการการใช้รถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียโอเชียเนียอีกด้วย นอกจากนี้ Honda จะยังคงมุ่งมั่น
ในการขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เคียงข้างสังคมไทย โดยกลุ่มบริษัท Honda ในประเทศไทยได้ร่วมกันสมทบเงินจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เข้ากองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย โดยปัจจุบันมีเงินสมทบเข้ากองทุนฯ แล้วจำนวน 500 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้กองทุนฯ ได้นำไปใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอดจนกิจกรรมภายใต้กองทุน
อย่างต่อเนื่อง”

Garmin เปิดตัว Head-Up Display แสดงผลการนำทางบนกระจกหน้า


ระบบการแสดงผลขึ้นบนกระจกหน้าหรือ Head-up display ถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ แต่ปัจจุบันมีเพียงรถระดับพรีเมียมเท่านั้นที่ติดตั้งระบบดังกล่าวเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทำให้มีบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมหรือ aftermarket เริ่มทำตลาดอุปกรณ์ประเภทนี้ที่มีราคาย่อมเยากว่า
ล่าสุดเป็นยักษ์ใหญ่ด้านระบบนำทางอย่าง Garmin ที่เปิดตัวเครื่องแสดงผลบนกระจกหน้าแบบพกพา ติดตั้งง่าย เพิ่มความสะดวกสบายขึ้นอีกระดับ
เครื่องแสดงผลบนกระจกหน้าของ Garmin จะรับข้อมูลการขับขี่จากสมาร์ทโฟนด้วยระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และแอพพลิเคชั่น Garmin StreetPilot1 หรือ NAVIGON โดยต้องติดตั้งเครื่องตัวนี้บนแผงแดชบอร์ด การแสดงผลขึ้นบนกระจกหน้าจะเป็นสีเขียวอ่อนสบายตา มีฟังก์ชั่นปรับความสว่างโดยอัตโนมัติตามสภาพแสงในขณะนั้น ซึ่งทาง Garmin ยืนยันว่าสามารถมองเห็นได้ชัดเจนทั้งในที่สว่างจ้าหรือยามค่ำคืน
Garmin เผยด้วยว่า เครื่องแสดงผลบนกระจกหน้าให้ข้อมูลรายละเอียดที่ครอบคลุมกว่าของแบรนด์อื่นแต่ไม่ทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิแต่อย่างใด ข้อมูลที่แสดงนั้นมีทั้งลูกศรบอกเส้นทาง ระยะทางก่อนถึงแยกที่จะต้องเลี้ยว ความเร็วในการขับขี่และการจำกัดความเร็ว รวมถึงระยะเวลาคาดการณ์ถึงที่หมาย
ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องดังกล่าวยังเตือนผู้ขับขี่หากขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด เตือนสภาพความหนาแน่นของการจราจรข้างหน้าและบอกตำแหน่งกล้องตรวจจับบนท้องถนนด้วย
Garmin Head-Up Display มีราคาจำหน่ายที่ 129.99 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่แอพพลิเคชั่น Garmin StreetPilot1 หรือ NAVIGON app ขายที่ 29.99 เหรียญฯ

2013 Chevrolet Sonic 1.6 เผยราคาแล้ว เริ่มต้น 6.67 แสน พร้อมข้อเสนอพิเศษงาน Fast Auto Show


เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) เตรียมส่งยนตรกรรมคุณภาพเยี่ยมครบทุกรุ่น นำโดย 2013 Chevrolet Sonic 1.6 E85, Spin, Trailblazer, Captiva, Cruze และ Colorado ออกอวดโฉมที่งาน Fast Auto Show Thailand 2013 พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าภายในงานนี้
Chevrolet จะเริ่มเปิดให้ลูกค้าจับจอง Sonic 1.6 E85 เคียงข้างกับ Sonic 1.4 E20 ภายในงาน Fast Auto Show Thailand 2013 ก่อนที่จะส่งถึงศูนย์ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ Sonic 1.6 E85 มาพร้อมกับคุณสมบัติอันโดดเด่นเหนือชั้นกว่ารถระดับเดียวกัน ทั้งการรองรับเชื้อเพลิง E85 และการติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุดอย่างเชฟโรเลต มายลิงค์
สำหรับ Chevrolet Sonic 1.6 ลิตร ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น
• ซีดาน 1.6 AT LT ราคา 667,000 บาท
• ซีดาน 1.6 AT LTZ ราคา 709,000 บาท
• แฮทช์แบค 1.6 AT LTZ ราคา 709,000 บาท
นอกจากนี้ Chevrolet ยังอวดโฉมรถครบทุกเซกเมนท์ เริ่มจาก Chevrolet Trailblazer เอสยูวีพันธุ์แกร่งแฝงความหรูหรา ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ดีเซล เทอร์โบ พร้อมด้วย Captiva รถเอสยูวีที่กำลังได้รับความนิยมจากลูกค้ากลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น
ภายในบูธเชฟโรเลต ยังมี Cruze โฉมใหม่ที่มีดีไซน์สะดุดตากว่าเดิมและเพิ่มศักยภาพรองรับเชื้อเพลิง E85 รวมถึงสปิน รถอเนกประสงค์เอ็มพีวีที่เพียบพร้อมด้วยพื้นที่อันกว้างขวาง ความสะดวกสบาย อเนกประสงค์ ประหยัดและสมรรถนะอันเหนือชั้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงรถกระบะ Colorado ซึ่งมียอดขายสูงสุดของเชฟโรเลต ในเวลานี้
“งาน FAST Auto Show เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมของเราในการจัดแสดงรถที่เพิ่งเปิดตัวหลายรุ่น ทั้ง Sonic 1.6 E85 , Spin เอ็มพีวี และ Cruze E85 โฉมใหม่” นายกุสตาโว โคลอซซี รองประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ขณะเดียวกัน เรายังอวดโฉม Trailblazer, Captiva, Sonic 1.4 และ Colorado นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะได้สัมผัสกับรถเชฟโรเลต เพราะเรานำเสนอรถอันน่าตื่นตาตื่นใจครบทุกกลุ่มเลยทีเดียว”
รถเชฟโรเลต ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษ เริ่มจากการรับข้อเสนอส่วนลด 30,000 บาทในการจับจองครูซ และส่วนลด 40,000 บาทสำหรับโคโลราโด (เฉพาะรุ่น) ขณะที่แคปติวา และเทรลเบลเซอร์ (เฉพาะรุ่น) รับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 0 เปอร์เซ็นต์นาน 60 เดือน ดาวน์ 25 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเชฟโรเลต โซนิค รับข้อเสนอดาวน์ 25 เปอร์เซ็นต์ ผ่อน 72 เดือน ฟรีผ่อน 5 เดือน หรือรับส่วนลด 50,000 บาท
บูธของเชฟโรเลต ภายในงาน FAST Auto Show ได้รับการออกแบบบนแพลทฟอร์มระดับโลก “Find New Roads” มีพื้นที่ทั้งหมด 400 ตารางเมตร เชฟโรเลต ยังมีหน้าจออินเตอร์แอคทีฟสำหรับให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสกับระบบอินโฟเทนเมนท์มายลิงค์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ลูกค้าที่สนใจยังสามารถทดสอบขับรถเชฟโรเลต ได้อีกด้วย
ยนตรกรรมทุกรุ่นของเชฟโรเลต จะจัดแสดงอยู่ภายในงาน FAST Auto Show บูธ A5 ฮอลล์ 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ระหว่างวันที่ 17 – 21 สิงหาคม 2556

Toyota คาดตลาดรถในประเทศปี 2556 ยอดรวม 1.3 ล้านคัน ลด 9.5% ครึ่งปีแรกเพิ่ม 22.1%


นายทานาดะ กล่าวว่า “ยอดขายรถยนต์ครึ่งแรกของปีนี้ ได้สร้างสถิติใหม่ของยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรก
ในประเทศไทยด้วยยอดขาย 740,795 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 22.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่
ผ่านมา
 โดยตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มียอดขายเพิ่มขึ้น 11.4% ตลาดรถยนต์นั่งมียอดขายเพิ่มขึ้น 36.7%
ทั้งนี้ตลาดรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปี มียอดขายที่สูงมากซึ่งเป็นผลจากการส่งมอบรถยนต์ที่ค้างจองจากโครงการรถยนต์คันแรก ประกอบกับกิจกรรมส่งเสริมการขายของค่ายรถยนต์ต่างๆที่เริ่มตั้งแต่ในช่วงต้นปี

สถิติการขายรถยนต์ ครึ่งแรกของปี 2556
  ปริมาณการขาย(คัน)
เปลี่ยนแปลง   
เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของ 2555
Ž     ปริมาณการขายรวม
740,795
+22.1%
Ž     รถยนต์นั่ง
352,051
+36.7%
Ž     รถเพื่อการพาณิชย์
388,744
+11.4%
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)
326,195
+6.8%
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)
295,705
+8.1%


Toyota มียอดขาย 237,318 คัน ลดลง 1.6% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 99,337 คัน ลดลง 5.8%
รถเพื่อการพาณิชย์ 137,981 คัน เพิ่มขึ้น 1.6% และรถกระบะ 1 ตัน 
(รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง
ของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 
128,185 คัน เพิ่มขึ้น 2.2%

สถิติการขายรถยนต์ของ Toyota ครึ่งแรกของปี 2556
Ž     ปริมาณการขายโตโยต้า                        237,318 คัน     ลดลง     1.6%    ส่วนแบ่งตลาด 32.0%
Ž     รถยนต์นั่ง                                           99,337 คัน       ลดลง    5.8%     ส่วนแบ่งตลาด 28.2%
Ž     รถเพื่อการพาณิชย์                               137,981 คัน     เพิ่มขึ้น   1.6%     ส่วนแบ่งตลาด 35.5%
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)   128,185 คัน     เพิ่มขึ้น  2.2%      ส่วนแบ่งตลาด 39.3%
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)            112,420 คัน     เพิ่มขึ้น  3.5%     ส่วนแบ่งตลาด 38.0%

สำหรับการส่งออกในครึ่งปีแรก Toyota ได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 195,748 คัน ลดลง 4.3% คิดเป็นมูลค่า 85,855 ล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 31,499 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่ 117,354 ล้านบาท”

สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ครึ่งหลังของปี 2556 นายทานาดะ กล่าวว่า “ตั้งแต่ในเดือนพฤษภาคมตลาดได้เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นตลอดช่วงครึ่งหลังของปี สะท้อนถึงสภาพตลาดที่กำลังปรับตัวเข้าสู่สภาวะปกติหลังจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา ดังนั้นแนวโน้มของตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้จะมียอดขายรวมทั้งหมดอยู่ที่ 1,300,000 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 9.5%

ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2556
Ž     ปริมาณการขายรวม                               1,300,000 คัน                        ลดลง     9.5%
Ž     รถยนต์นั่ง                                                620,000  คัน                        ลดลง      7.8%
Ž     รถเพื่อการพาณิชย์                                   680,000  คัน                        ลดลง     11.0%
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)         605,000 คัน                         ลดลง     9.2 %
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)      545,000 คัน                        ลดลง     8.1%

โดย Toyota ตั้งเป้าหมายการขายสำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้ไว้ที่มากกว่า 450,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 172,000 คัน ลดลง 23.5% รถเพื่อการพาณิชย์ 278,000 คัน ลดลง 4.6% และ รถกระบะ 1 ตัน                      (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 254,500 คัน ลดลง 5.6%

ประมาณยอดขายรถยนต์ในประเทศของ Toyota ปี 2556
Ž     ปริมาณการขายรวม                               >450,000 คัน ลดลง   12.8%     ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
Ž     รถยนต์นั่ง                                               172,000 คัน  ลดลง   23.5%     ส่วนแบ่งตลาด 27.7%
Ž     รถเพื่อการพาณิชย์                                  278,000 คัน  ลดลง     4.6%     ส่วนแบ่งตลาด 40.9%
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)        254,500 คัน ลดลง     5.6%     ส่วนแบ่งตลาด 42.1%
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)    220,000 คัน  ลดลง     5.7%     ส่วนแบ่งตลาด 40.4%

สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 438,000 คัน คิดเป็นมูลค่า 185,000 ล้านบาท และการส่งออกชิ้นส่วนมูลค่า 66,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้นประมาณ     251,000 ล้านบาท”

นายทานาดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับแผนงานในครึ่งปีหลัง เริ่มจากความต่อเนื่องของการแนะนำ วีออส ใหม่ ครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยและได้เริ่มทำการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียนตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยเดือนสิงหาคมนี้ วีออสใหม่ จะเริ่มส่งออกไปยังกลุ่มประเทศนอกอาเซียน นับเป็นรถยนต์นั่งรุ่นแรกที่มีการส่งออกไปประเทศนอกภูมิภาคอาเซียน จากนั้นจะเป็นการเปิดตัวรถยนต์ อีโคคาร์ของโตโยต้าที่ทุกท่านรอคอย

นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรมอีกมากมายที่จะมอบให้กับลูกค้าและสังคมไทย ทั้งในด้านการตลาดและกิจกรรมสังคม  อาทิ Toyota Safe Driving Education หรือ การอบรมขับขี่ปลอดภัยเพื่อสร้างความเข้าใจในศักยภาพของผู้ใช้รถใช้ถนน การสนับสนุนกีฬาหลากหลายประเภท อาทิ ฟุตบอลโตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก โตโยต้าลีกคัพ และโตโยต้ามอเตอร์สปอร์ต

ทั้งหมดนี้ เพื่อส่งมอบความสุขให้กับคนไทยและสังคมไทย เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตลอดไป ดั่งความมุ่งมั่นของเรา “Toyota ขับเคลื่อนความสุข”  นายทานาดะกล่าวในที่สุด                    

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนมิถุนายน 2556

1.)  ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 106,018 คัน ลดลง 14.2%                              
อันดับที่ 1 โตโยต้า    38,060 คัน                      ลดลง 16.1%              ส่วนแบ่งตลาด   35.9%อันดับที่ 2 อีซูซุ        17,701 คัน                     เพิ่มขึ้น 2.5%               ส่วนแบ่งตลาด   16.7%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า     17,345 คัน                     ลดลง  1.2%               ส่วนแบ่งตลาด   16.4%

2.)  ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 49,664 คัน ลดลง 17.7%                                 
อันดับที่ 1 โตโยต้า    16,844 คัน                     ลดลง 17.9%             ส่วนแบ่งตลาด   33.9%        
อันดับที่ 2 ฮอนด้า     16,280 คัน                     ลดลง  4.8%              ส่วนแบ่งตลาด   32.8%
อันดับที่ 3 นิสสัน      3,674 คัน                      ลดลง 49.8%              ส่วนแบ่งตลาด    7.4% 

3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 47,092 คัน ลดลง 14.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า    19,754 คัน                     ลดลง 14.4%              ส่วนแบ่งตลาด   41.9%   
อันดับที่ 2 อีซูซุ        15,349 คัน                     ลดลง  1.8%               ส่วนแบ่งตลาด   32.6%  
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ    3,665 คัน                      ลดลง 48.4%              ส่วนแบ่งตลาด    7.8%   
     *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 3,656 คัน
     โตโยต้า 1,876 คัน – มิตซูบิชิ 1,052 คัน – เชฟโรเลต 575 คัน – อีซูซุ 119 คัน – ฟอร์ด 34 คัน

4.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 43,436 คัน ลดลง 12.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า    17,878 คัน                      ลดลง  10.7%             ส่วนแบ่งตลาด   41.2% 
อันดับที่ 2 อีซูซุ        15,230 คัน                      ลดลง    0.6%             ส่วนแบ่งตลาด   35.1% 
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ     2,613 คัน                     ลดลง  47.1%             ส่วนแบ่งตลาด    6.0%

5.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 56,354 คัน ลดลง 10.8%                    
อันดับที่ 1 โตโยต้า    21,216 คัน                     ลดลง  14.6%             ส่วนแบ่งตลาด   37.6%    
อันดับที่ 2 อีซูซุ        17,701คัน                       เพิ่มขึ้น  2.5%              ส่วนแบ่งตลาด   31.4%    
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ    3,665 คัน                      ลดลง  48.4%             ส่วนแบ่งตลาด    6.5%    

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2556

1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 740,795 คัน เพิ่มขึ้น 22.1%                              
อันดับที่ 1 โตโยต้า    237,318 คัน                    ลดลง     1.6%           ส่วนแบ่งตลาด 32.0%
    อันดับที่ 2 ฮอนด้า     131,458 คัน                    เพิ่มขึ้น  172.1%           ส่วนแบ่งตลาด 17.7%   
อันดับที่ 3 อีซูซุ        120,419 คัน                    เพิ่มขึ้น   23.7%           ส่วนแบ่งตลาด 16.3%
   
2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 352,051 คัน เพิ่มขึ้น 36.7%                                
อันดับที่ 1 ฮอนด้า     117,406 คัน                    เพิ่มขึ้น 150.1%           ส่วนแบ่งตลาด 33.3% 
อันดับที่ 2 โตโยต้า    99,337 คัน                    ลดลง      5.8%           ส่วนแบ่งตลาด 28.2%   
อันดับที่ 3 นิสสัน      43,534 คัน                    เพิ่มขึ้น    3.0%            ส่วนแบ่งตลาด 12.4% 

3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย  326,195 คัน เพิ่มขึ้น 6.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า    128,185 คัน                    เพิ่มขึ้น    2.2%            ส่วนแบ่งตลาด 39.3%   
อันดับที่ 2 อีซูซุ        107,445 คัน                    เพิ่มขึ้น  20.5%            ส่วนแบ่งตลาด 32.9%  
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ    33,470 คัน                    ลดลง    22.1%           ส่วนแบ่งตลาด 10.3%   
     *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 30,490 คัน
     โตโยต้า 15,765 คัน – มิตซูบิชิ 9,547 คัน – เชฟโรเลต 3,711 คัน – อีซูซุ 1,210 คัน – ฟอร์ด 257 คัน

4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 295,705 คัน เพิ่มขึ้น 8.1% 
อันดับที่ 1 โตโยต้า    112,420 คัน                    เพิ่มขึ้น    3.5%            ส่วนแบ่งตลาด 38.0%   
อันดับที่ 2 อีซูซุ        106,235 คัน                    เพิ่มขึ้น  21.9%            ส่วนแบ่งตลาด 35.9% 
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ    23,923 คัน                    ลดลง    21.1%           ส่วนแบ่งตลาด  8.1%

5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 388,744 คัน เพิ่มขึ้น 11.4%                    
อันดับที่ 1 โตโยต้า    137,981 คัน                    เพิ่มขึ้น    1.6%            ส่วนแบ่งตลาด 35.5%   
อันดับที่ 2 อีซูซุ        120,419 คัน                    เพิ่มขึ้น  23.7%            ส่วนแบ่งตลาด 31.0%   
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ    33,470 คัน                    ลดลง   22.1%            ส่วนแบ่งตลาด  8.6%
  
หมายเหตุ สำหรับความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมในส่วนของรถโมเดล ใหม่ของ Toyota ที่คาดว่าจะมาในปีนี้ 2 โมเดล ได้แก่ Toyota Yaris Eco และ Toyota Altis ใหม่     ทาง Toyota ยังไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เผยโฉมตัวแทน Lexus LFA …ไม่ใช่ซูเปอร์คาร์ แต่เป็นจักรยานเสือหมอบค่าตัว 3 แสนบาท

เชื่อว่าแฟน Lexus หลายคนอาจกำลังรอฟังข่าวซูเปอร์คาร์ตัวตายตัวแทนของ LFA ที่ยกเลิกสายการผลิตไปเมื่อไม่นานนี้ ล่าสุดมีการเปิดตัวออกมาแล้ว แต่อาจผิดคาดไปเล็กน้อย เพราะมันไม่ใช่ซูเปอร์คาร์ตัวแรง แต่เป็นจักรยานเสือหมอบค่าตัวแพงหูฉี่

จักรยานเสือหมอบของ Lexus ใช้ชื่อว่า “F Sport Road Bike” ตัวเฟรมจักรยานเน้นน้ำหนักเบาด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เช่นเดียวกันแฮนด์ หลักอานและล้อที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาหวิวเช่นกัน ส่วนระบบเกียร์ใช้แบบอิเลกทรอนิก 22 สปีดของแบรนด์ Shimano รุ่น Dura-ace Di2 โดดเด่นที่ความนุ่มนวลคล้ายระบบสัมผัสขณะเปลี่ยนเกียร์
ไม่น่าแปลกใจที่ค่าตัวของจักรยานสองล้อคันนี้จะสูงถึง 1,000,000 เยนหรือราว 3 แสนบาทเลยทีเดียว แต่ก็ได้เสียงตอบรับที่ดีจากสิงห์นักปั่นในแดนปลาดิบในเวลานี้