วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

ใหม่ Nissan Teana 2012-2013 ราคา นิสสัน เทียน่า ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์


เก๋งขนาดกลางกึ่งใหญ่จากค่ายนิสสัน รุ่น Sports Series มีทั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี และ 6สูบ V6 2,500 ซีซี สำหรับวันนี้เราจะมารีวิวรุ่นท๊อปของเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี 200XL Sports Series Navi ลองมาดูกันว่าเทียน่ารุ่นใหม่นี้ มีอะไรที่แตกต่างจากรุ่นเดิมบ้าง รวมทั้งสมรรถนะในการขับขี่และการทรงตัวจะเยี่ยมแค่ไหน

Nissan Teana ราคา

ราคา Nissan Teana นิสสัน เทียน่า รุ่น 200 XL  1,246,000 บาท
ราคา Nissan Teana นิสสัน เทียน่า รุ่น 200 XL Sports Series 1,263,000 บาท
ราคา Nissan Teana นิสสัน เทียน่า รุ่น 200 XL Sports Series Navi 1,363,000 บาท
ราคา Nissan Teana นิสสัน เทียน่า รุ่น 250 XV-V6 1,533,000 บาท
ราคา Nissan Teana นิสสัน เทียน่า รุ่น 250 XV-V6 (Sunroof) 1,583,000 บาท
ราคา Nissan Teana นิสสัน เทียน่า รุ่น 250 XV-V6 (Sunroof) Navi 1,683,000 บาท
ราคา Nissan Teana นิสสัน เทียน่า รุ่น 250 XV-V6 (Sunroof) Sports Navi 1,700,000 บาท
*สีขาวมุก(QX1)เพิ่ม 12,000 บาท

ราคา นิสสัน เทียน่า ตารางผ่อน-ดาวน์


นิสสัน เทียน่า รุ่นใหม่ 250XV-V6 ติดตั้งซันรูฟ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทันสมัย สวยงาม ทำให้รู้สึกถึงความโปร่งโล่งสบายภายในห้องโดยสาร ทำจากแก้ว พร้อมฟิลม์กรองแสง เพื่อ ตัดรังสี UV ประกอบด้วยกลไกการเปิดปิดอัตโนมัติและนำเสนออุปกรณ์เสริม Navigation พร้อมระบบ Software ล่าสุดในรุ่น 250XV-V6 Sunroof Navigation
หน้าจอ ระบบนำทาง
Nissan Teana มีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ก้าวล้ำนำสมัย ดังต่อไปนี้ :
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Vehicle Dynamic Control: VDC) พร้อมด้วยระบบควบคุมการลื่นไหล (Traction Control System: TCS)
• ระบบถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
• ระบบม่านถุงลมนิรภัย SRS เฉพาะในรุ่น 250XV Sunroof
• ที่นั่งด้านหน้าติดตั้งหมอนพิงศรีษะแบบ Active Head Restraints เพื่อป้องกันศรีษะในกรณีที่เกิดการชน
• เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ขับแบบปรับรัดได้ก่อนการชน double pre-tensioners
• ปลอดภัยสูงสุดด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย Zone Body Construction
• เข็มขัดนิรภัย ELR สามจุดด้านหลังสำหรับผู้โดยสารสามคน
Exterior รูปลักษณ์ภายนอก นิสสัน เทียน่า
New Exterior Design
ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ด้วยชุดไฟหน้า Bi-Xecon พร้อม Projector Lens และระบบปรับมุมลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติตามการเลี้ยวของรถ AFS (Adaptive Front-Lighting System)เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่ยามค่ำคืน
กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าใหม่ หรูหราด้วยขอบโครเมียม ด้านข้างเพิ่มมิติในทุกเส้นสาย สะท้อนรสนิยมอย่างมีสไตล์
กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยกันชนหน้า และช่องกันชนด้านล่าง ลายตาข่ายแบบใหม่ สวยงามโดดเด่นทุกมุมมอง
ไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ ไฟตัดหมอกแบบ Muti-reflector ดีไซน์ใหม่ส่องสว่าง ปลอดภัยทันสมัยอย่างมีระดับ
ไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ด้วยดีไซน์ใหม่แบบ Lconic Graphic พร้อมชุดไฟท้ายแบบ LED สีแดง ออกแบบพิเศษเพื่อความสว่างชัดแม้รถคันขับตามอยู่ในระยะไกล ให้ความปลอดภัย แม้อยู่ในยามค่ำคืน
หลังคาซันรูฟ บ่งบอกรสนิยมสไตล์สปอร์ต หรู ด้วยซันรูฟ UV Cut ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เพียงปลายนิ้วสัมผัส
ไฟเลี้ยวกระจกมองข้างแบบ LED ให้สัญญาณบอกทิศทางอย่างหรูหรามีระดับ เห็นได้ชัดเจน เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ สะท้อนสไตล์ที่โดดเด่นแม้ขณะขับเคลื่อนด้วยล้ออัลลอย 2 สไตล์ใหม่ ทั้งขนาด 16″ และ 17″
Interior รูปลักษณ์ภายใน นิสสัน เทียน่า
ใส่ใจทุกรายละเอียด กับห้องโดยสารหรูหราดีไซน์ใหม่ เงียบและเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น
มาตรวัดดีไซน์ใหม่ (New Meter Design) กับมาตรวัดเรืองแสงแบบ Fine Vision ดีไซน์ใหม่ออกแบบให้ไฟแผงหน้าเป็นสีเรือง ทันสมัยยิ่งขึ้น เพิ่มมิติการมองเห็นให้เด่นชัดกว่าเดิม
Multi-Information Display (MID) แผงหน้าปัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่ต่างๆ อาทิ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ระยะทางที่ขับขี่ ไฟแจ้งเตือนกุญแจ เตือนประตูเปิด และอุณหภูมิำภายนอก
แผงควบคุมระบบปรับอากาศ และเครื่องเสียงดีไซน์ใหม่  หรูหรามีระดับกับระบบปรับอากาศและเครื่องเสียง ตกแต่งด้วยสีเงินเมทัลลิค สะดวกสบายยิ่งขึ้นกับระบบปรับอากาศอัติโนมัติที่ปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 18-32 องศาเซลเซียส พร้อมสวิตซ์ Dual Climate Control สำหรับควบคุมอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาได้ เพิ่มสุนทรียภาพตลอดการเดินทางด้วยระบบเครื่องเสียงชั้นเยี่ยมขนาด 20IN พร้อมลำโพง 6 ตัว ใช้งานได้หลากหลาย ทั้ง MP3 CD 6 แผ่น และวิทยุระบบ FM และ AM
พวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุม (Multi - Function) 
อีกระดับเพื่อความสะดวกสบาย ด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังและลายไม้ หรูหรา ล้ำ สมัย อำนวยความสะดวกด้วยปุ่มสำหรับระบบควบคุมความเร็ว อัตโนมัติ (Cruise Control)
ช่วยรักษาระดับความเร็วของรถให้คงที่ ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ตอบสนองในการขับ ขี่ทางไกล พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง เพิ่มความบันเทิงขณะขับขี่
ประณีตทุกรายละเอียด เพิ่มความสะดวกสบายสูงสุด 
1. ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ สตาร์ทเครื่องยนต์อย่างง่ายดาย เพียงปลายนิ้วสัมผัส
2. กุญแจอัจฉริยะ ให้คุณเปิด-ปิด ประตูและห้องเก็บสัมภาระท้ายรถได้อย่างง่ายดายและมั่นใจยิ่งขึ้นจากภัย โจรกรรมด้วยระบบ Immobilizer และ Panic Alarm
3. ม่านบังแดดด้านหลังปรับไฟฟ้า สะดวกสบายด้วยม่านบังแดดด้านหลังปรับขึ้น-ลง ด้วยระบบไฟฟ้า
4. กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยจอด เพิ่มความปลอดภัยให้ความสะดวกสบายขณะถอยจอดมากยิ่งขึ้น
5. เบาะนั่งคู่หน้าแบบปรับไฟฟ้า พร้อม Memory Seat & Welcome Seat เบาะนั่งด้านคนขับควบคุมด้วยไฟฟ้าปรับระดับได้ 8 ทิศทาง พร้อม Memory Seat บันทึกรูปแบบการนั่งได้ 2 ตำแหน่งเมื่อเปลี่ยนคนขับ พร้อมระบบ Welcome Seat ที่เบาะนั่งคนขับสามารถเลื่อนเข้า-ออกได้สะดวกมากขึ้น และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง
6. ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง กระจายความเย็นสบายสู่ผู้โดยสารด้านหลังอย่างทั่วถึงตลอดการเดินทาง
7. แผงควบคุมกระจกไฟฟ้าและล็อคประตู สะดวกสบายกว่้าด้วยปุ่มปรับไฟฟ้าควบคุมกระจกข้างด้านคนขับ
8. ช่องเก็บของข้างประตู ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ เพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากขึ้นเป็นพิเศษ
9. ช่องเก็บของด้านหน้า เปิด-ปิด ได้ปุ่มนุ่มนวล พร้อมขยายความจุให้เก็บของได้มากยิ่งขึ้น
10. ช่องเก็บของใต้พนักวางแขนด้านหน้า จัดเก็บ CD ได้ถึง 13 แผ่น
11. ที่วางแ้ก้วด้านหน้า
12. ที่วางแก้วด้านหลัง
13. ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถขนาดใหญ่กว่า ดีไซน์พิเศษ จุได้มากกว่าเดิม
ในรถ นิสสัน เทียน่า ทุกรุ่นมีระบบ Keyless Entry ที่นิสสันเรียกว่า Intelligent Key ไม่ต้องไขกุญแจหรือกดรีโมทให้เสียเวลา แค่พกกุญแจไว้แล้วกดปุ่มตรงที่เปิดประตูเพื่อปลดล็อคก็เข้าไปนั่งในรถได้ แล้ว โดยปุ่มล็อคหรือปลดล็อคนี้ ติดตั้งบนที่เปิดประตูทั้งฝั่งคนขับและฝั่งคนนั่งหน้า จึงให้ความสะดวกสบายแบบสุดๆ
นอกจากการล็อคและปลดล็อครถแล้ว หากพกกุญแจรีโมทไว้ก็สามารถเปิดฝากระโปรงหลังด้วยการสัมผัสเบาๆ ที่สวิทช์ไฟฟ้าซึ่งซ่อนอยู่ใต้คิ้วโครเมี่ยมเหนือป้ายทะเบียน แถมการเปิดก็ยังเบาแรงเพราะมีโช้กอัพช่วยผ่อนแรงอีกด้วย เปิดฝากระโปรงท้ายแล้วจะตื่นเต้นกับพื้นที่เก็บของที่ทั้งกว้างและลึก โดยนิสสันระบุว่ามีความจุถึง 506 ลิตรเลยทีเดียว
กลับมาเรื่องภายในของรถรุ่นนี้กันต่อ ในรุ่นปกติภายในจะเป็นสีเบจที่ดูหรูหรา ส่วนใน Sports Series จะเน้นความสปอร์ตเข้มขรึมด้วยเบาะหนังสีดำ แอบหรูด้วยลายไม้สีเข้มที่ดูดีและเข้ากับการตกแต่งโดยรวม แซมด้วยสีเมทัลลิคตามจุดต่างๆ ช่วยให้ห้องโดยสารดูไม่มืดจนเกินไปนัก และเนื่องจากห้องโดยสารที่กว้างขวางอยู่แล้ว การตกแต่งด้วยโทนสีดำจึงไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
ส่วนที่ต้องสัมผัสกับร่างกายบ่อยๆ อย่างพวงมาลัยและด้านหน้าของเบาะนั่ง หุ้มด้วยหนังแท้เนื้อละเอียดจับแล้วนุ่มมือ โชว์ตะเข็บด้วยด้ายสีออกฟ้าๆ พวงมาลัยทรงเดิมหุ้มหนังแท้สีดำปรับระดับสูง-ต่ำได้ มี ครูสคอนโทรลเป็น อุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น โดยปุ่มอยู่ฝั่งขวา และปุ่มควบคุมเครื่องเสียงอยู่ฝั่งซ้าย แผงประตูทั้ง 4 บานมีที่เท้าแขนบุนวมอ่อนนุ่มไม่เจ็บข้อศอก ช่องเก็บของที่ประตูหน้าแคบไปหน่อย วางขวดหรือแก้วน้ำไม่ได้ ใส่ได้แค่เอกสารหรือของกระจุกกระจิกเท่านั้น
มาตรวัดเรืองแสง Fine Vision ขับกลางวันก็สว่างชัดเจน ขับกลางคืนก็มีปุ่มหรี่ความสว่างให้พอเหมาะ ด้านล่างของมาตรวัดความเร็วมีจออเนกประสงค์ MID แสดงข้อมูลได้หลายอย่าง ควบคุมโดยปุ่มสี่เหลี่ยม 2 ปุ่มที่อยู่ข้างขวาของชุดมาตรวัด
นั่งในตำแหน่งคนขับแล้วมองเยื้องลงมาด้านล่างขวาของคอนโซล จะเห็นช่องสำหรับเสียบกุญแจ ถัดลงมาเป็นที่ชุมนุมของปุ่มควบคุมระบบต่างๆ 6 ปุ่ม ไล่จากซ้ายไปขวาประกอบด้วย ปุ่มเปิดฝาที่เติมน้ำมัน, เปิดฝากระโปรงท้าย, เปิด-ปิดม่านไฟฟ้าที่กระจกหลัง, เว้นวรรคไปหนึ่งปุ่ม, ปุ่มปรับระดับความสูง-ต่ำของไฟหน้าซึ่งมีโหมดเปิด-ปิดอัตโนมัติตามสภาพแสง และปุ่มเปิด-ปิดการทำงานของระบบเนวิเกเตอร์
ย้ายมาดูที่คอนโซลกลางกันบ้าง รถรุ่นนี้มีการติดตั้งจอแสดงการทำงานของระบบต่างๆ พร้อมปุ่มควบคุมคล้ายรุ่นเดิม โดยปุ่มที่อยู่ใต้จอใช้ควบคุมระบบหลักๆ เช่น ข้อมูลของตัวรถ สถานะของตัวรถในปัจจุบัน เช่น ระบบแอร์หรือเครื่องเสียง มีปุ่มปรับความสว่างหรือปิดจอก็ได้
ถ้าจะเข้าโหมดเนวิเกเตอร์ต้องกดปุ่ม NAVI ก่อน แล้วใช้รีโมทในการควบคุมเพราะจอรุ่นนี้ไม่ใช่จอสัมผัส ซึ่งตรงนี้ทำให้ใช้งานยากไปนิด แต่ถ้ามองในด้านความปลอดภัย คนขับก็ไม่ควรเอื้อมมือไปกดปุ่มขณะขับอยู่แล้ว
เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง จอที่คอนโซลกลางจะแสดงภาพจากกล้องมองหลังมุมกว้าง ซึ่งติดซ่อนไว้ใต้คิ้วเหนือป้ายทะเบียน มีเส้นกะระยะในจอภาพและเสียงสัญญาณเตือนเมื่อเข้าใกล้วัตถุด้านหลัง Back Sensor 4 จุด ลองดูแล้วพบว่ามีความแม่นยำพอสมควร เมื่อถอยหลังถึงโซนสีแดงแล้วยังเหลือช่องว่างอีกประมาณ 30 ซม.
ถัดลงมาเป็นปุ่มควบคุมเครื่องเสียง MP3 ซีดีเชนเจอร์ 6 แผ่น และล่างสุดเป็นปุ่มสำหรับระบบแอร์ดิจิตอลแยกซ้าย-ขวา คอนโซลเกียร์ออกแบบเรียบๆ แต่หรูหรา โชว์ลายไม้สีเข้มที่ดูเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี ด้านบนคันเกียร์มีที่เขี่ยบุหรี่และที่จุดบุหรี่ซึ่งเป็นปลั๊กไฟ 12 โวลท์ ด้านล่างคันเกียร์มีที่วางแก้วพร้อมฝาปิดดูเรียบร้อย
คอนโซลกลางต่อเนื่องคอนโซลเกียร์ออกแบบได้เรียบหรูดูดี เพราะไม่มีเบรคมือมาเกะกะ โดยเบรคมือ (ซึ่งจริงๆ เรียกว่า Parking Brake) ย้ายไปไว้ด้านซ้ายมือของแป้นเบรค เมื่อจะใช้งานก็ใช้เท้าซ้ายเหยียบ จะปลดออกก็เหยียบอีกครั้ง
อีกหนึ่งความสะดวกสบายที่รถรุ่นนี้ให้มา คือ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง กระดกหน้า-หลังได้ และมีที่ดันหลังแบบกลไก ส่วนเบาะคนนั่งหน้าปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง หมอนรองศีรษะและเข็มขัดนิรภัยปรับสูง-ต่ำได้
คราวนี้ลองย้ายไปนั่งบนเบาะหลังพบว่ากว้างขวางนั่งสบาย มุมเอนของพนักพิงกำลังพอดีไม่ตั้งชันจนเกินไป และแม้จะยังไม่ได้ติดฟิล์มก็ไม่ร้อน เพราะมีช่องแอร์สำหรับคนนั่งหลังและม่านไฟฟ้าที่กระจกหลังมาให้พร้อม ที่เท้าแขนตรงกลางมีที่วางแก้วน้ำพร้อมฝาปิด พนักพิงเบาะหลังพับไม่ได้ แต่ตรงที่เก็บที่เท้าแขนมีช่องทะลุไปที่เก็บของด้านหลังได้ ด้านหลังเบาะคู่หน้ามีช่องไว้ให้ใส่เอกสารด้วย
Engine & Transmission
สำรวจรอบคันทั้งภายนอกและภายในแล้วก็ถึงเวลาออกไปลองขับ การสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่มีอะไรยุ่งยาก แค่เหยียบเบรคแล้วกดปุ่มสตาร์ท Push Start Button เครื่องยนต์ก็ติดพร้อมสำหรับการขับเคลื่อน เมื่อปิดกระจกเปิดแอร์แล้ว เสียงเครื่องยนต์เงียบมากๆ รวมทั้งการสั่นสะเทือนก็แทบไม่มีให้รู้สึก เมื่อความเร็วถึงประมาณ 24 กม./ชม. ประตูทุกบานก็จะล็อคให้โดยอัตโนมัติ เหมาะกับคนขี้ลืมมาก
รถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์รหัส MR20DE เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว มีระบบแปรผันวาล์ว CVTC ความจุกระบอกสูบ 1,997 ซีซี กระบอกสูบ 84.0 มม. ช่วงชัก 90.1 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 มีกำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที
เท้าขวาเหยียบเบรค มือซ้ายบีบปุ่มบนหัวเกียร์แล้วดึงลงมาที่ตำแหน่ง D คลายเท้าขวาออกจากแป้นเบรคมาค่อยๆ กดคันเร่ง รถเคลื่อนตัวออกไปอย่างนุ่มนวลตามแรงในการกดคันเร่ง และลื่นไหลไร้อาการสะดุดเนื่องจากนิสสัน เทียน่าทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT ซึ่งทางนิสสันระบุว่าสามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้กว่า 700 รูปแบบ ตามลักษณะการใช้งานของผู้ขับขี่
ด้านข้างหัวเกียร์มีปุ่ม Sport ลองใช้ดูแล้วพบว่าเกียร์จะเปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงช้าลง แม้ผ่อนคันเร่งแล้วเกียร์ก็ยังไม่เปลี่ยนขึ้นเกียร์สูง ทำให้ลากรอบสูงได้ต่อเนื่อง สร้างความกระฉับกระเฉงได้มาก เรียกได้ว่าเปลี่ยนบุคลิกของรถไปเลย โดยในรอบสูงๆ จะมีเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มเข้ามาบ้าง สร้างความเร้าใจได้อีกแบบ
ลองกดคันเร่งแบบสุดๆ จับเวลาคร่าวๆ 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 11-12 วินาที เมื่อกดคันเร่งสุดตอนออกตัว รอบเครื่องยนต์จะขึ้นไปหยุดนิ่งแถวๆ 6,250 รอบต่อนาที ส่วนเข็มวัดความเร็วจะกวาดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเร็วปลายดูจาก GPS ประมาณ 180 กม./ชม. ถือว่าน่าพอใจกับรถคันใหญ่และเครื่องยนต์ไซส์กลาง ซึ่งแม้ไม่ได้แรงจัดจ้าน แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ยิ่งได้เกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT มาช่วยเสริม เปลี่ยนเกียร์โดยรอบไม่ตก ทำให้อัตราเร่งมีความต่อเนื่อง
ต่อไปลองวัดอัตราสิ้นเปลืองแบบขับทางไกล ใช้ทางด่วนต่อเนื่องมอเตอร์เวย์ขับยาวๆ ไปถึงพัทยา ใช้ความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์อยู่แถวๆ 2,250 รอบ/นาที ขับสบายๆ ไม่ต้องเกร็งเท้าขวาเพราะมีครูสคอนโทรลมาให้ใช้งานด้วย กดปุ่มเปิดระบบก่อน จากนั้นเร่งให้ได้ความเร็วที่ต้องการแล้วกดปุ่ม SET ห้องโดยสารเงียบกริบ แทบไม่มีเสียงภายนอกเข้ามารบกวน เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นเพราะนิสสันติดตั้งฉนวนกันเสียงรบกวนไว้รอบคันนั่น เอง
กดปุ่มเลือกให้แสดงอัตราสิ้นเปลืองแบบ Real Time พบว่าป้วนเปี้ยนแถว 14-15 กม./ลิตร และเมื่อถึงจุดหมายได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 13.3 กม./ลิตร อยู่ในระดับที่ยอมรับได้เพราะรถคันใหญ่ และใช้แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ด้วย ก็จะช่วยประหยัดได้อีกพอสมควร ถ้าคำนวณจากราคา E20 ลิตรละ 33.68 บาท ก็จะเสียค่าน้ำมันกิโลเมตรละ 2.53 บาท
ปิดท้ายด้วยเรื่องของระบบช่วงล่างและเบรครวมทั้งพวงมาลัย เห็นรถคันใหญ่แบบนี้ แต่การบังคับควบคุมก็คล่องแคล่วด้วยพวงมาลัยเพาเวอร์ที่ปรับน้ำหนักตามความ เร็ว ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ที่ความเร็วต่ำพวงมาลัยเบาหมุนเลี้ยวได้รวดเร็ว และเมื่อใช้ความเร็วสูงพวงมาลัยจะหนัก ช่วยให้การเปลี่ยนเลนมั่นคงไม่วูบวาบ รวมทั้งตอนใช้ความเร็วสูงๆ ก็ให้ความมั่นคงสูง
ระบบช่วงล่างอิสระทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังมัลติลิงค์ เท่าที่ได้ลองขับบนถนนสภาพต่างๆ พบว่าให้ความนุ่มนวล การดูดซับแรงกระแทกทำได้ดี น่าจะเป็นเพราะแก้มยางที่ค่อนข้างสูงด้วยส่วนหนึ่ง และที่ความเร็วสูงก็ค่อนข้างนิ่ง ไม่มีอาการวอกแวกให้รู้สึก ระบบเบรคแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อมีประสิทธิภาพการเบรคที่น่าพอใจ หยุดได้ดีแม้เบรคที่ความเร็วสูง
นิสสัน เทียน่า 200XL Sports Series Navi ภายนอกและภายในใส่ความสปอร์ตและอุปกรณ์มาตรฐานอำนวยความสะดวกที่มากกว่ารถ รุ่นอื่นๆในระดับเดียวกัน ห้องโดยสารกว้างขวางให้ความผ่อนคลาย สบายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เครื่องยนต์อยู่ในระดับกลางๆ รองรับ E20 ที่ราคาถูกลงมาอีกนิด เสริมประสิทธิภาพด้วยเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT ช่วยให้อัตราเร่งต่อเนื่องและนุ่มนวล กับราคาที่ตั้งไว้สูสีรถคอมแพ็กต์รุ่นท๊อป 1.363 ล้านบาท ถือว่าคุ้มค่าครับ

NEW NISSAN TEANA SPORTS SERIES เอกลักษณ์แห่งความสปอร์ตหรู กับดีไซน์ใหม่ที่ล้ำหน้าเกินใคร
NISSAN TEANA SPORTS SERIES  อีกขั้นของความโฉบเฉี่ยวคมทุกมุมมอง ด้วยสเกิร์ตข้าง และสปอยเลอร์หลังดีไซน์หรู พร้อมเบาะหนังภายในสีดำ ตกแต่งลายไม้สีดำโทนใหม่ เพิ่มอารมณ์สปอร์ตทันสมัยอีกระดับ ความพิเศษสุดสำหรับผู้ใฝ่หาความสปอร์ตล้ำหน้าเช่นคุณ
 Aero Kit ชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน เพื่อความโฉบเฉี่ยวทุกมุมมอง
1. ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตใหม่ (New Alloy Wheel Design) โดดเด่นทุกการขับเคลื่อน
2. สเกิร์ตข้าง (Side Skirts) เสริมมิติอย่างมีสไตล์ท้าทายทุกสายตา
3. สปอยเลอร์หลัง (Rear Spoiler) เปลี่ยนสู่ความปราดเปรียว เพิ่มระดับความสปอร์ตเร้าใจ
New Interior Sport Design ภายในดีไซน์ใหม่ ตอบรับรสนิยมสไตล์สปอร์ตหรู
เพิ่มอารมณ์สปอร์ตเท่ ผสานความหรูหราด้วยเบาะหนังภายในสีดำ พร้อมตกแต่งลายไม้สีดำใหม่ ตอบทุกความทันสมัยที่เข้าใจความต้องการของคุณ
ชุดตกแต่งที่แตกต่าง สะท้อนรสนิยมที่ทันสมัย
นิสสัน เทียน่า มีทั้ง 5 สีให้เลือก ดังนี้ครับ
1. สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ Brilliant Silver
2. สีน้ำตาล เกรย์ยิช บรอนซ์ Greyish Bronze
3.สีม่วงเทา ดีพ แอมมิธิสท์ เกรย์ Deep Amethyst Gray
4. สีดำ แบล็ค สตาร์ Black Star
5. สีขาวไวท์ เพิร์ล White Pearl
รุ่น Sports Series มีเฉพาะสี่ขาว ไวท์ เพิร์ล และสีดำแบล็ค สตาร์ เท่านั้น

 
ATIVUS แต่งรถนิสสัน เทียน่า โดยคนไทย
 
ขอขอบคุณข้อมูล
www.nissan.co.th
www.manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น