วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ใหม่ Lexus LS 2013 พร้อมรุ่น F Sport ตอบทุกความต้องการในแบบ Human Harmonics


นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย นายศิตชัย จีระธัญญาสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ มร.อัทซึโอะ ซึคาดะ(Atsuo Tsukada) ผู้ช่วยหัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร่วมแถลงข่าวแนะนำสุดยอดรถยนต์นั่งเลกซัส LS ใหม่ เมื่อ วันที่ 30 ตุลาคม 2555 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมโอกูระ

เลกซัส LS เป็นยนตรกรรมที่สร้างสรรค์และพัฒนาภายใต้ปรัชญาการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ หรือ The Pursuit of Perfection ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยยอดขายทั่วโลกที่มากกว่า 730,000 คัน ตลอดทั้ง 4 เจนเนอเรชั่น
ส่าสุด เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ เลกซัส LS ใหม่ ที่ได้รับการปรับปรุงในรายละเอียดมากกว่า 3,000 จุด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดุดัน มีสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะภายในของเลกซัสคือความเงียบ ความประณีต ความสะดวกสบาย ความล้ำสมัย และความปลอดภัย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ ด้วย รุ่น LS460 รุ่น LS460L ที่ดูหรูหรา รุ่น F-Sport ที่มีความสปอร์ตทั้งด้านรูปลักษณ์และสมรรถนะ และรุ่น LS600h ที่สุดของรถยนต์ไฮบริด
การออกแบบ
รูปลักษณ์ภายนอกของเลกซัสLS ใหม่ได้ถูกออกแบบอย่างลงตัว โดดเด่นด้วยการนำหลอดไฟ LED มาใช้ในทุกจุด รวมถึงไฟตัดหมอกทรงแนวตั้งที่มาพร้อมเลนส์ PES (โพลิเอสเตอร์) ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดของโลก ระบบไฟหน้าที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ในเวลากลางวัน รูปทรงตัวแอล (Daytime Running Lights) สะท้อนให้เห็นรูปแบบที่นำสมัย พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ “Spindle Grille” เอกลักษณ์ใหม่แห่งดีไซน์ที่บ่งบอกความเป็นสุดยอดยนตรกรรมของเลกซัส ออกแบบบนพื้นฐานของความเรียบหรู ให้ความรู้สึกเหนือระดับ ที่เปี่ยมด้วยพลัง
ประสิทธิภาพการขับขี่
รุ่น LS600hL สุดยอดยานยนต์ไฮบริด ที่นำเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร มาผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ให้แรงม้าสูงสุดที่ 445 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนแบบ Full-time AWD ให้ความมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่
รุ่น LS460 มาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลังจากเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.6 ลิตรพร้อมระบบปรับวาล์วแปรผัน Dual VVT-iE ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า ส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รถยนต์เลกซัส LS ใหม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการรับรองมาตรฐานการปล่อยมลพิษยูโร ระดับ5 (EURO 5)
ด้วยเทคนิคการเชื่อมตัวถังแบบใหม่ ทำให้โครงสร้างของเลกซัส LS ใหม่มีความแข็งแรง มั่นคงและยืดหยุ่น ให้ความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการโช๊คอัพแบบแปรผันค่าความหนืด (Frequency Adaptive Damping) หรือ ระบบรองรับการสั่นสะเทือนแบบถุงลม (Adaptive Variable Suspension) ทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนดียิ่งขึ้น ระบบพวงมาลัยได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำและมีการตอบสนองรวดเร็วมากขึ้น ระบบเบรคที่ตอบสนองการเบรคในสถานะการณ์ฉุกเฉินได้รวดเร็วมากขึ้น แป้นเบรคให้สัมผัสที่ดีขึ้น รวมถึงโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ ECO, COMFORT, NORMAL, SPORTS และ SPORT S+ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เลกซัส LS ใหม่สมบูรณ์แบบด้วยประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยม
F SPORT
ครั้งแรกสำหรับเลกซัส LS กับเวอร์ชั่น F SPORT ที่นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของยานยนต์หรูที่ให้อารมณ์การขับขี่แบบบสปอร์ต ผสมผสานรูปแบบภายนอกที่ดุดัน กับภายในโฉบเฉี่ยวเร้าใจ พร้อมปรับความสูงของระบบช่วงล่างลง 10 มม. ดิสค์เบรคคู่หน้า Brembo แบบ 6 พอร์ต และแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) พร้อมเสริมประสิทธิภาพด้วยเฟืองท้ายหลังแบบ Torsen Limited Slip
ความเงียบ ความประณีต ความสะดวกสบาย และความล้ำสมัย
เลกซัส LS ใหม่ ยังคงมาตรฐานอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของรถยนต์เลกซัส ที่ภายในห้องโดยสารมีความเงียบและสบายที่สุดในโลก เป็นผลจากการพัฒนาวัสดุดูดซับเสียงที่ช่วยขจัดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ พื้นถนน และลมปะทะ พร้อมอุปกรณ์ที่ดูดซับเสียงในห้องโดยสารตอนหน้า
ครั้งแรกกับ Lexus Climate Concierge หรือ ระบบปรับอุณหภูมิอัจฉริยะแบบ Multi-Zone ที่ใช้เซ็นเซอร์กว่า 13 ตัว เพื่อวัดสภาพอากาศภายในห้องโดยสาร และกระจายความเย็นหรือความร้อนอย่างสม่ำเสมอทั่วห้องโดยสารตามความต้องการของผู้โดยสารแต่ละคน รวมทั้งปรับอุณหภูมิบริเวณเบาะนั่งและพวงมาลัยโดยอัตโนมัติ นอกจากนั้น ระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารของรถยนต์ LS ยังทำงานผสานกับ นาโน-อี(Nano-e) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ด้วยคุณสมบัติพิเศษ โดยการปล่อยประจุลบของน้ำออกมา เพื่อดักจับ และทำลาย เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย ภายในห้องโดยสาร ช่วยขจัดกลิ่นอับชื้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้อากาศภายในห้องโดยสารสะอาด สดชื่นตลอดการเดินทาง
ภายในโดดเด่น ด้วย Advanced Illumination System (AIS) สะท้อนความหรูหราภายในด้วย Welcome Light LED สี Champagne White บริเวณคอนโซลหน้า ที่จะเรืองแสงต้อนรับเมื่อเข้าใกล้ตัวรถ พร้อมแผงหน้าปัดที่ง่ายต่อการควบคุมและการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ด้วยการแบ่งโซนอย่างเด่นชัด ทั้งโซนแสดงผล (Display Zone) ซึ่งประกอบไปด้วย LCD Multi-display ขนาดใหญ่ที่สุด 12.3 นิ้ว และโซนควบคุม (Operation Zone) ที่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ด้วย Remote Touch Interface (RTI) เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่สามารถควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ในรถยนต์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เสมือนการคลิกเมาส์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 380 มิลลิเมตร สั้นกว่าเดิมถึง 10 มิลลิเมตร ให้ประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นพร้อมเติมอารมณ์สปอร์ต นอกจากนี้ แผงหน้าปัดที่มาพร้อมจอข้อมูลเรืองแสงออพติตรอนขนาดใหญ่ และจอแสดงผลแบบ Thin Film Transistor Multi-information ขนาด 5.8 นิ้ว เป็นจอแสดงข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดารถยนต์เลกซัสทั้งหมด ช่วยให้การอ่านค่าทำได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น
เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยสุดยอดเครื่องเสียงรอบทิศทางจาก Mark Levinson และระบบ Rear Seat Entertainment System ระบบบันเทิงเต็มรูปแบบหนึ่งเดียวที่มาพร้อม Blu-ray player พร้อมการออกแบบภายในที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายใต้แนวคิด Human-Centered Engineering ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานของมนุษย์ได้มากที่สุด
ระบบความปลอดภัยเหนือชั้น
มั่นใจสูงสุดด้วยระบบความปลอดภัยเหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการรวมไดนามิกของตัวรถ VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management) ที่ผสานการทำงานของระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะทำการควบคุมการทำงานของระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน (Adaptive Variable Suspension)* ระบบพวงมาลัยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (Electronic Power Steering) และอัตราทดเฟืองพวงมาลัยแบบแปรผัน (Variable Gear Ratio Steering)* ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะการควบคุมการทรงตัวของรถยนต์ทั้งในขณะขับขี่และเบรค รวมทั้งลดการเกิดอาการล้อหมุนฟรี ช่วยให้ทุกการเคลื่อนไหวของรถยนต์เป็นไปได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยสูงสุด
ระบบ Pre-Crash Safety* ที่มีเซนเซอร์ตรวจสอบความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชน หากตรวจพบว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่บนถนนเบื้องหน้า ระบบจะส่งสัญญาณเตือนผ่านหน้าจอแสดงผลทันที ทำให้เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ (Pre-Crash Seatbelt)* จะทำการดึงรั้งผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าอัตโนมัติ ช่วยให้คนขับและผู้โดยสารแนบชิดกับเบาะและพนักพิง เพื่อป้องกันการกระแทกอย่างรุนแรงจากพวงมาลัยหรือถุงลมเสริมความปลอดภัยหรือคอนโซลหน้า
ระบบ Passive Safety ที่ให้การปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS แบบคู่ (twin-chamber) สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างทั้งบริเวณที่นั่งตอนหน้าและหลัง และม่านถุงลมเสริมความปลอดภัยซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดการชนจากด้านหลัง หมอนรองศีรษะสำหรับที่นั่งตอนหน้า แบบ active headrests จะทำงานทันทีที่ได้รับสัญญาณจากถุงลมเสริมความปลอดภัยเบาะหน้า เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นบริเวณกระดูกต้นคอ อีกทั้งยังมีถุงลมเสริมความปลอดภัยเบาะรองนั่ง ออตโตมาน* ช่วยป้องกันการลื่นไถลของผู้โดยสาร เมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า ปกป้องผู้โดยสารให้ปลอดภัยสูงสุด ตลอดการเดินทาง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น