กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่อีกครั้งด้วยยอดขายสูงสุดสำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังสร้างสถิติยอดขายเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศอื่นๆทั่วโลก
ในปี 2555 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประสบความสำเร็จกับสถิติยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง +44% โดยมียอดขายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอยู่ที่ 6,114 คัน นอกจากนี้แล้ว ทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้สร้างสถิติยอดขายสูงสุดครั้งใหม่ ด้วยยอดขายบีเอ็มดับเบิลยูที่ 5,613 คัน (เพิ่มขึ้น +45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า) มินิ 501 คัน (เพิ่มขึ้น +30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า) และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด 290 คัน (เพิ่มขึ้น +37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า)
มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จารึกประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการทำสถิติยอดขายเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง +44% สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 6,114 คัน นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงสุดถึงสองปีติดต่อกัน และยังเป็นสถิติยอดขายที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศอื่นๆทั่วโลก

“ความสำเร็จของเราในประเทศไทย เป็นความสำเร็จที่สอดคล้องกับสถิติใหม่ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลก ทำได้กว่า 1.8 ล้าน คัน ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ ซึ่งเพิ่มขึ้น +10.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า”
“สำหรับบีเอ็มดับเบิลยูโดยเฉพาะแล้ว ยอดขายที่เพิ่มขึ้น 45% โดยมียอดรวมทั้งสิ้น 5,613 คัน เป็นเครื่องบ่งบอกการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับบีเอ็มดับเบิลยูในแต่ละรุ่น ทั้งนี้เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยม ทั้งในด้านเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงานและรักษาต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นเจ้าของที่คุ้มค่า ด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics และ BMW Service Inclusive ทั้ง 2 ปัจจัยนี้เป็นคำตอบที่ดีเยี่ยมสำหรับลูกค้าของเรา เพื่อให้มั่นใจถึงสมรรถนะในด้านความประหยัดและในด้านความสบายใจสำหรับการบำรุงรักษารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร”
“สำหรับมินิแล้ว การสร้างสถิติยอดขายสูงสุดครั้งใหม่ที่ 501 คัน ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ทั้งนี้ มินิคันทรี่แมน มีส่วนเป็นอย่างมากในการสร้างความสำเร็จในครั้งนี้ ควบคู่ไปกับโปรแกรม MINI Service Inclusive ที่คุ้มครองการบำรุงรักษารถยนต์มินิตลอดระยะเวลา 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร นอกจากนี้แล้วลูกค้ามินิยังสามารถเลือกที่จะขยายระยะเวลาการคุ้มครองนี้ต่อไปได้ถึง 6 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร และด้วยศูนย์บริการมินิสาขาใหม่ล่าสุดที่มิลเลนเนียมออโต้ พระราม 3 เราสามารถที่จะรองรับการเจริญเติบโตของลูกค้ามินิได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้สร้างสถิติยอดขายสูงสุดเช่นกัน ด้วยยอดขายทั้งสิ้น 290 คันและอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 37% ในปีที่แล้ว ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดในประเทศไทยนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดทั่วโลกที่มียอดขายทั้งสิ้น 106,000 คัน นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดในเกือบ 90 ปีแห่งประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด”
มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2556 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้วางแผนที่จะนำเสนอนวัตกรรมทางยานยนต์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้รถยนต์ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยี โดยยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยมและรักษาต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นเจ้าของที่คุ้มค่า นอกจากนี้แล้ว ปี 2556 ยังนับเป็นปีแห่งการเริ่มต้นนวัตกรรมทางเทคโนดลยีใหม่ๆสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ด้วยรถยนต์ทีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า BMW i3 ที่จะได้รับการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบภายในปลายปีนี้ สำหรับประเทศไทยนั้น เราพร้อมแล้วที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆซึ่งพร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยได้เป็นอย่างดี”
“บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นตามแผนแม่บทของเราเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความพึงพอใจของลูกค้าและเพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านราคาขายต่อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูให้ดียิ่งขึ้นไป ด้วยการตอบรับจากลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยู มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดอย่างสูงสุดเป็นปีที่สองติดต่อกันนี้ เรายังคงมุ่งมั่นเพื่อทำให้ได้มากกว่าคาดหมายของลูกค้าของเราต่อไป”
บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชี่ยล เซอร์วิสเซสสร้างสถิติใหม่อีกครั้งในปี 2555 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบ 10 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเช่นเดียวกัน
มร. คริสเตียน วิดมานน์ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ได้เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ด้วยการสร้างสถิติยอดสัญญาเช่าซื้อในปี 2555 ที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงถึง 25% สำหรับกลุ่มลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ความสำเร็จดังกล่าวนี้ เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าได้สูงสุด การให้บริการที่ดีเยี่ยม และการมุ่งมั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งลูกค้าและผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ทั้งในด้านการเสาะหาลูกค้าใหม่ๆพร้อมๆกับการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันของเราอย่างดีที่สุด”
กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์เชิงรุก เทคโนโลยี BMW ActiveHybrid ที่มีให้เลือกถึง 8 รุ่น :
กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์เชิงรุก เทคโนโลยี BMW ActiveHybrid ที่มีให้เลือกถึง 8 รุ่น :
- BMW ActiveHybrid 3, BMW ActiveHybrid 3 M Sport, BMW ActiveHybrid 3 M Sport with 19” alloy wheel and adaptive M suspension
- BMW ActiveHybrid 5, BMW ActiveHybrid 5 M Sport
- BMW ActiveHybrid 7 L, BMW ActiveHybrid 7 L M Sport, BMW ActiveHybrid 7 L High Line
- BMW ActiveHybrid 5, BMW ActiveHybrid 5 M Sport
- BMW ActiveHybrid 7 L, BMW ActiveHybrid 7 L M Sport, BMW ActiveHybrid 7 L High Line
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รักษาความเป็นผู้นำ ในเชิงผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีอีกครั้ง สำหรับปี 2556 นี้ BMW ActiveHybrid 3/5/7L จะมีให้เลือกมากถึง 8 รุ่นด้วยกัน ซึ่งทุกรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ที่ได้รับรางวัล “Engine of the year” ถึง 2 ปีซ้อน
BMW ActiveHybrid 3 (ราคา 4,199,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 3 M Sport (ราคา 4,399,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 3 M Sport (ราคา 4,499,000 บาท) พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19” และ ช่วงล่าง M แบบปรับตั้งได้
BMW ActiveHybrid 3 M Sport (ราคา 4,399,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 3 M Sport (ราคา 4,499,000 บาท) พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19” และ ช่วงล่าง M แบบปรับตั้งได้
- จัดเป็น full hybrid รุ่นแรกของโลกในกลุ่มของรถสปอร์ตคอมแพ็คซีดานระดับหรู
- เทคโนโลยี hybrid อัจฉริยะ พร้อมประสิทธิภาพแห่งการประหยัด แต่คงไว้ซึ่งขุมกำลังอันเต็มเปี่ยม ที่ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า, เครื่องยนต์เบนซิน BMW TwinPower Turbo 6 สูบ, และแบตเตอร์รี่ลิเทียมไอออน ประสิทธิภาพสูง
- พละกำลังแห่งการขับเคลื่อนถึง 340 แรงม้าโดยรวมทั้งหมดและมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที
- สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- พื้นที่เก็บสัมภาระด้วยท้ายถูกออกแบบมาเพื่อเก็บแบตเตอรรี่ลิเทียมไอออนไว้อย่างมิดชิด
- เทคโนโลยี hybrid อัจฉริยะ พร้อมประสิทธิภาพแห่งการประหยัด แต่คงไว้ซึ่งขุมกำลังอันเต็มเปี่ยม ที่ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า, เครื่องยนต์เบนซิน BMW TwinPower Turbo 6 สูบ, และแบตเตอร์รี่ลิเทียมไอออน ประสิทธิภาพสูง
- พละกำลังแห่งการขับเคลื่อนถึง 340 แรงม้าโดยรวมทั้งหมดและมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที
- สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- พื้นที่เก็บสัมภาระด้วยท้ายถูกออกแบบมาเพื่อเก็บแบตเตอรรี่ลิเทียมไอออนไว้อย่างมิดชิด
BMW ActiveHybrid 5 (ราคา 5,399,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 5 M Sport (ราคา 5,599,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 5 M Sport (ราคา 5,599,000 บาท)
- เปี่ยมด้วยความสมดุลย์ของขุมกำลังที่ 340 แรงม้า และระดับการปล่อย CO2 เพียง 149 กรัม/กม.
- สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- Coasting mode ตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ได้จนถึงขีดความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.
- ระบบบริหารการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด intelligent energy management
- E-boost function ช่วยเพิ่มอัตราการเร่งได้อย่างคล่องตัว
- สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- Coasting mode ตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ได้จนถึงขีดความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.
- ระบบบริหารการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด intelligent energy management
- E-boost function ช่วยเพิ่มอัตราการเร่งได้อย่างคล่องตัว
BMW ActiveHybrid 7 L (ราคา 8,299,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 7 L M Sport (ราคา 8,899,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 7 L Highline (ราคา 8,999,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 7 L M Sport (ราคา 8,899,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 7 L Highline (ราคา 8,999,000 บาท)
บีเอ็มดับเบิลยู ActiveHybrid 7 L สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
มอเตอร์ไฟฟ้าสั่งงานฟังก์ชั่น Boost เมื่อต้องการพลังงานสำหรับการออกตัว หรือเมื่อต้องการเร่งแซง ซึ่งสามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.7 วินาที
ระบบชาร์จไฟแบตเตอรี่แบบอัตโนมัติ (Brake Energy Regeneration), ระบบ Hybrid Start/Stop และโหมดการขับขี่แบบ ECO PRO ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 14.7 กิโลเมตร/ลิตร (ระดับการปล่อย CO2 เพียง 158 กรัม/กิโลเมตร)
มอเตอร์ไฟฟ้าสั่งงานฟังก์ชั่น Boost เมื่อต้องการพลังงานสำหรับการออกตัว หรือเมื่อต้องการเร่งแซง ซึ่งสามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.7 วินาที
ระบบชาร์จไฟแบตเตอรี่แบบอัตโนมัติ (Brake Energy Regeneration), ระบบ Hybrid Start/Stop และโหมดการขับขี่แบบ ECO PRO ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 14.7 กิโลเมตร/ลิตร (ระดับการปล่อย CO2 เพียง 158 กรัม/กิโลเมตร)
BMW 7 Series LCI
BMW 730Li (THB 7,299,000)
BMW 730Ld (THB 7,599,000)
BMW 730Li (THB 7,299,000)
BMW 730Ld (THB 7,599,000)
- ไฟหน้าแบบ LED แบบปรับอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ยามค่ำคืนโดยไม่รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถยนต์คันอื่น
- ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อแสดงผลในการขับขี่ด้วยโหมดต่างๆที่เลือกได้ รวมทั้ง ECO PRO
- ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อแสดงผลในการขับขี่ด้วยโหมดต่างๆที่เลือกได้ รวมทั้ง ECO PRO
ประกาศเพิ่มเติม
BMW 320d Touring M Sport ประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการที่ 4,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
BMW 320d Touring M Sport ประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการที่ 4,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
BMW HP4 – น้ำหนักเบาที่สุดแต่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 193 แรงม้า
BMW HP4 จัดเป็นมอเตอร์ไซด์ 4 สูบ ในกลุ่มซุปเปอร์สปอร์ต 1,000 ซีซี ที่เบาที่สุด ให้พละกำลังสูงสุด 193 แรงม้า และมีน้ำหนักเพียง 199 กิโลกรัม หากคำนวณโดยรวม Race ABS และ ถังน้ำมันที่เติมเต็ม 90 เปอร์เซ็นต์ (169 กิโลกรัม คำนวณที่ถังเปล่ารวม Race ABS)
บีเอ็มดับเบิลยู HP4 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ เช่นเดียวกับ S 1000 RR ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด193 แรงม้าที่ 13,000 รอบ และมีรอบเครื่องยนต์สูงสุด 14,200 รอบ
สำหรับผู้ที่ต้องการการขับขี่อย่างเร้าใจสูงสุด BMW HP4 พร้อมชุดแต่ง Competition Package มาพร้อมกับชิ้นส่วนคาร์บอน เช่น สปอยเลอร์, ที่พักเท้า, มือจับเบรกและคลัช, ล้อสี Racing blue metallic.
BMW HP4 จัดเป็นมอเตอร์ไซด์ 4 สูบ ในกลุ่มซุปเปอร์สปอร์ต 1,000 ซีซี ที่เบาที่สุด ให้พละกำลังสูงสุด 193 แรงม้า และมีน้ำหนักเพียง 199 กิโลกรัม หากคำนวณโดยรวม Race ABS และ ถังน้ำมันที่เติมเต็ม 90 เปอร์เซ็นต์ (169 กิโลกรัม คำนวณที่ถังเปล่ารวม Race ABS)
บีเอ็มดับเบิลยู HP4 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ เช่นเดียวกับ S 1000 RR ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด193 แรงม้าที่ 13,000 รอบ และมีรอบเครื่องยนต์สูงสุด 14,200 รอบ
สำหรับผู้ที่ต้องการการขับขี่อย่างเร้าใจสูงสุด BMW HP4 พร้อมชุดแต่ง Competition Package มาพร้อมกับชิ้นส่วนคาร์บอน เช่น สปอยเลอร์, ที่พักเท้า, มือจับเบรกและคลัช, ล้อสี Racing blue metallic.
BMW F700 GS & F800 GS – พร้อมระบบ ABS ทั้ง 2 รุ่น
BMW F 800 GS รวมการใช้งานทั้งในแบบทั่วไป และในแบบ Touring ด้วยสมรรถนะ ของมอเตอร์ไซด์ออฟโรด ในขณะที่ BMW F 700 GS ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่ที่ไม่ต้องการ ใช้งานในลักษณะออฟโรด มากนัก แต่เน้นจุดแข็งในเรื่องของระดับที่นั่งต่ำ และความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
BMW F 800 GS รวมการใช้งานทั้งในแบบทั่วไป และในแบบ Touring ด้วยสมรรถนะ ของมอเตอร์ไซด์ออฟโรด ในขณะที่ BMW F 700 GS ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่ที่ไม่ต้องการ ใช้งานในลักษณะออฟโรด มากนัก แต่เน้นจุดแข็งในเรื่องของระดับที่นั่งต่ำ และความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
BMW F 800 GS BMW F 700 GS
63 กิโลวัตต์ /85 แรงม้า 55 กิโลวัตต์ /75 แรงม้า
USD telescopic fork conventional telescopic fork
Progressive damping spring strut Gas pressure spring strut
ล้อแบบซีลวด ล้อแบบอลูมิเนียมหล่อ
ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว
แฮนเดิ้ลบาร์อลูมิเนียม แฮนเดิ้ลบาร์เหล็ก
ความสูงเบาะที่นั่ง 880/850 mm ความสูงเบาะที่นั่ง 820/790 mm
น้ำหนัก 214 กก. น้ำหนัก 209 กก.
63 กิโลวัตต์ /85 แรงม้า 55 กิโลวัตต์ /75 แรงม้า
USD telescopic fork conventional telescopic fork
Progressive damping spring strut Gas pressure spring strut
ล้อแบบซีลวด ล้อแบบอลูมิเนียมหล่อ
ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว
แฮนเดิ้ลบาร์อลูมิเนียม แฮนเดิ้ลบาร์เหล็ก
ความสูงเบาะที่นั่ง 880/850 mm ความสูงเบาะที่นั่ง 820/790 mm
น้ำหนัก 214 กก. น้ำหนัก 209 กก.
ข้อมูลเพิ่มเติม
ลูกค้าสบายใจได้เสมอกับโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) และ MINI Service Inclusive (MSI)
ลูกค้าสบายใจได้เสมอกับโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) และ MINI Service Inclusive (MSI)
หัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุด คือ ความสบายใจของลูกค้า ดังนั้นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจึงมาพร้อมกับโปรแกรมบริการหลังการขาย BSI BMW Services Inclusive ซึ่งเป็นการดูแลบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี/ 100,000 กิโลเมตร นอกจากนี้แล้ว ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูยังสามารถเลือกที่จะขยายระยะเวลาโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูดังกล่าวนี้เพิ่มเติมได้อีก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร เพื่อการคุ้มครองสูงสุดรวม 6 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร สำหรับลูกค้ามินิ โปรแกรม MINI Service Inclusive คุ้มครองการบำรุงรักษารถยนต์มินิตลอดระยะเวลา 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร นอกจากนี้แล้วลูกค้ามินิยังสามารถเลือกที่จะขยายระยะเวลาการคุ้มครองนี้ต่อไปได้โดยรวมถึง 6 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
โปรแกรม BSI และ MSI นี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความสบายใจแล้ว ยังเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของ (Low Cost of Ownership) และช่วยเพิ่มมูลค่าการขายต่ออีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ และรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู เรามีเครือข่ายการผลิต 29 แห่งใน 14 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ในปีค.ศ. 2012 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมียอดขายรถยนต์ 1.85 ล้านคันและรถมอเตอร์ไซค์กว่า 117,000 คันทั่วโลก และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2011 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมีพนักงานประมาณ 100,000 คนทั่วโลก
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนั้นเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็น The World’s Most Sustainable Car Manufacturer โดยสถาบัน Dow Jones ใน 8 ปีที่ผ่านมา
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนั้นเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็น The World’s Most Sustainable Car Manufacturer โดยสถาบัน Dow Jones ใน 8 ปีที่ผ่านมา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น