วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวดี! Nissan ไฟเขียวผลิต GT-R ตัวถัง R36 ออกทำตลาดภายในปี 2018


เมื่อเดือนที่แล้ว เราเคยรายงานไปว่า Nissan ยังไม่อนุมัติการผลิต GT-R เจนเนอเรชั่นใหม่ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าอาจจะถึงคราวอวสานของรถสปอร์ตในตำนานรุ่นนี้ แต่ล่าสุดมีข่าวดีให้แฟนๆได้ชื่นใจเมื่อยักษ์ญี่ปุ่นประกาศให้ไฟเขียวเดินหน้าพัฒนาและผลิต R36 ออกมาทำตลาดพร้อมกำหนดช่วงเวลาไว้ด้วยว่าจะได้เห็นกันภายในปี 2018 อย่างแน่นอน นั่นทำให้ R35 รุ่นปัจจุบันจะมีอายุยาวนานถึง 10 ปีเต็มกันเลยทีเดียว ซึ่งข่าวนี้ตรงกับความเห็นของ Kazutoshi Mizuno อดีตหัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนารถสปอร์ตของ Nissan

Kazutoshi Mizuno เคยให้สัมภาษณ์ระหว่างการทำรถแข่ง GT-R ร่วมแข่งขัน Nürburgring 24 Hours เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า GT-R เวอร์ชั่น R35 จะอยู่ในตลาดไปอย่างน้อยอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งการร่วมแข่งขันรายการที่เน้นความอึดของตัวรถนั้นบ่งชี้ให้เห็นว่าแพลทฟอร์มของ R35 ยังรองรับการอัพเกรดและปรับปรุงต่อไปได้อีกในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ Mizuno ได้เกษียณจากตำแหน่งแล้วตามกฎระเบียบของ Nissan ที่บังคับให้พนักงานเกษียณเมื่ออายุครบ 60 ปี อย่างไรก็ดี วิศวกรชั้นหัวกะทิรายนี้จะยังคงมีบทบาทด้านที่ปรึกษาในการพัฒนา GT-R รุ่นต่อไป
ขณะที่เวบไซต์ Inside Line รายงานว่า การลาจากตำแหน่งของ Mizuno เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ R36 ต้องล่าช้าออกไป ขณะเดียวกัน วิศวกรของ Nissan ยังอยากจะเห็นตัวจริงเสียงจริงของ Acura NSX รุ่นใหม่ล่าสุดด้วย ซึ่งใช้ระบบไฮบริดอันซับซ้อนและสามารถทำความเร็วต่อรอบในสนาม Nürburgring-Nordschleife ได้เร็วกว่า R35
Nissan ยังไม่ฟันธงว่าจะเพิ่มขุมพลังขับเคลื่อนไฮบริดให้แก่รถ R36 ถึงแม้ว่าจะเคยโชว์รถต้นแบบขุมพลังลูกผสมอย่าง Infiniti Essence Concept 2009 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ V6 3.7 ลิตรของ Infiniti G37 พร้อมยัดเทอร์โบชาร์จคู่เข้าไปทำให้สามารถรีดแรงม้าได้ราว 440 ตัว ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลัง 160 แรงม้า ทำให้รถต้นแบบรุ่นดังกล่าวมีพละกำลังเฉียด 600 แรงม้าเลยทีเดียว
แต่สำหรับรุ่น R36 คาดว่า Nissan จะยังคงใช้เครื่องยนต์รหัส VR38DETT ความจุ 3.8 ลิตรเช่นเดิม โดยมีแนวโน้มสูงว่าจะประกบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนกับรถต้นแบบข้างต้น พละกำลังสูงสุดอาจจะอยู่ที่ประมาณ 600 แรงม้า มีอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 10.6 – 12.7 กม./ลิตร
หากใช้ขุมพลังไฮบริดจริง อุปสรรคใหญ่ข้อเดียวของ R36 คือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจากการติดตั้งแบตเตอรี่ของระบบไฮบริด ซึ่งจะต้องชดเชยด้วยการรีดน้ำหนักส่วนอื่นทิ้งไป โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือจะต้องมีสมรรถนะเท่ากับหรือมากกว่ารุ่นปัจจุบันอย่าง R35 พร้อมกับมีอัตราบริโภคน้ำมันประหยัดยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ R35 จะได้รับการปรับโฉมขนานใหญ่ออกจำหน่ายในฐานะรุ่นปี 2914 รายงานเบื้องต้นระบุว่าจะมีการเปลี่ยนกรอบไฟและกันชนหน้า รวมถึงการอัพเกรดขุมพลังขับเคลื่อนใหม่ด้วย

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น