ยอดจองรถคันแรกตามนโยบายคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาลนั้น ทะลุสูงเฉียด 1 ล้านคันเลยทีเดียว ซึ่งผู้บริโภคต่างก็ขอใช้สิทธิ์กันอย่างมากมาย และจากตัวเลขของผู้ยื่นใช้สิทธิ์ ก็ส่งผลกระทบมายังตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วย เนื่องจากมาตรการดังกล่าว ทำให้สัดส่วนของผู้ใช้รถอยู่ที่ 1:70 เลยทีเดียว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่คาดว่าในปีหน้าจะมีรถถึง 3 แสนคัน ในพื้นที่จำกัดเพียง 1,568.7 ตารางกิโลเมตร
สำหรับปัญหาใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีหน้า ก็คือ พื้นที่จอดรถในอาคารคอนโดมิเนียม ที่ปัจจุบันมี พ.ร.บ. อาคารชุด ควบคุมให้แต่ละโครงการมีพื้นที่จอดรถกรุงเทพฯ ในอัตราส่วน 120 ตารางเมตร ต่อรถ 1 คัน สำหรับในต่างจังหวัด กำหนด 240 ตารางเมตรต่อรถ 1 คัน ซึ่งหากเปรียบเทียบจากสัดส่วนในปัจจุบันแล้ว นับว่าปัญหาที่ร้อนแรงในปีหน้าเลยทีเดียว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายธำรงค์ ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เผยว่า ประเด็นเรื่องการจอดรถโครงการคอนโดมีเนียม เดิมเคยหารือร่วมกับ สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย สมาคมสถาปนิกสยาม ภาคเอกชน และนักวิชาการต่างประเทศ 2 ครั้ง ในการแก้ข้อกำหนดเพื่อลดพื้นที่จอดรถลง ซึ่งในมุมของผู้ประกอบการนั้น การที่กำหนดให้จอดรถในสัดส่วนพื้นที่ 120 ตารางเมตร ต่อรถ 1 คันนั้น ทำให้ผู้บริโภคต้องแบกภาระเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนต้นทุนการก่อสร้าง ซึ่งในกรณีที่โครงการคอนโดมิเนียมที่ติดรถไฟฟ้า ผู้ประกอบการเห็นว่า ควรลดสัดส่วนพื้นที่จอดรถลง เพื่อเป็นการลดต้นทุนและช่วยให้ราคาขายลดลงอีก 10-15%
นายธำรงค์ กล่าวต่อว่า พื้นที่ส่วนกลางของแต่ละโครงการ รวมถึงพื้นที่อาคารจอดรถ ควรเปิดเสรีให้ผู้ประกอบการพิจารณเอาเองว่าควรจะสร้างอาคารที่จอดรถในจำนวนพื้นที่เท่าไร เนื่องจากแต่ละทำเลก็มีสถานที่และระบบคมนาคมขนส่งที่แตกต่างกัน แต่หากเป็นโครงการแนวรถไฟฟ้า ก็ควรเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการพิจารณาความเหมาะสมในการจัดพื้นที่จอดรถเอง
ขณะที่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า แม้ว่าประเด็นนี้เรื่องนโยบายรถคันแรกอาจจะยังไม่ส่งผลในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้ประกอบการควรเตรียมรับมือแก้ปัญหาเอาไว้แต่เนิ่่น ๆ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมีเนียม ที่ในปัจจุบันมีสัดส่วนพื้นที่จอดรถต่อโครงการส่วนมากอยู่ที่ประมาณ 60% เท่านั้น ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาแย่งที่จอดรถกันในโครงการมีความเป็นไปได้สูงมาก
อย่างไรก็ตาม หากใครคิดที่จะซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในช่วงนี้ ก็ควรคำนึงถึงเรื่องที่จอดรถ เพราะทำเลและราคาอาจจะไม่ตอบโจทย์เท่ากับความเหมาะสมต่อการดำเนินชีวิต ซึ่งก็ได้แต่หวังว่า แต่ละโครงการอสังหาริมทรัพย์ และผู้ประกอบการคงจะมีทางออกในปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น