ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังชงเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี อนุมัติปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์
โดยล้มกระดานการคำนวณภาษีใหม่ จากเดิมคิดภาษีจากปริมาตรกระบอกสูบและแรงม้า เป็นการคำนวณจากการปล่อยมลพิษ หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งหลักการนี้นับว่าเป็นสากลนิยมที่ทั่วโลกใช้กันอยู่
โดยล้มกระดานการคำนวณภาษีใหม่ จากเดิมคิดภาษีจากปริมาตรกระบอกสูบและแรงม้า เป็นการคำนวณจากการปล่อยมลพิษ หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งหลักการนี้นับว่าเป็นสากลนิยมที่ทั่วโลกใช้กันอยู่
แน่นอน...สำหรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่เที่ยวนี้ มีทั้งกลุ่มรถยนต์ที่ได้ประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และก็มีบางกลุ่มที่เสียประโยชน์ แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ที่สำคัญมีช่วงระยะเวลาให้ผู้ประกอบการปรับตัว
โดยกำหนดให้มีผลบังคับ 1 ม.ค. 2559 โครงสร้างภาษีใหม่แบ่งตามประเภทรถยนต์ ดังนี้
โดยกำหนดให้มีผลบังคับ 1 ม.ค. 2559 โครงสร้างภาษีใหม่แบ่งตามประเภทรถยนต์ ดังนี้
รถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารไม่เกิน 10 คน จัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยแบ่งระดับปริมาณการปล่อยคาร์บอนเป็น 3 ช่วง ไม่เกิน 150 กรัมต่อกม., เกิน 150 กรัม แต่ไม่เกิน 200 กรัมต่อกม., เกิน 200 กรัมต่อกม.
โดยพิจารณาจากปริมาณก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยจากรถยนต์ปัจจุบัน โดยรถยนต์ 1,400-1,600 ซีซี จะปล่อยก๊าซคาร์บอนระหว่าง 150-170 กรัมต่อกม. จึงเห็นควรกำหนดช่วงแรกของก๊าซคาร์บอนให้อยู่ระหว่าง 0-150 กรัมต่อกม.
ขณะที่รถยนต์ 1,700-2,000 ซีซี มีปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอน 180-200 กรัมต่อกม. จึงเห็นควรกำหนดช่วงให้อยู่ระหว่าง 151-200 กรัมต่อกม. และเห็นควรกำหนดช่วงสุดท้ายให้อยู่มากกว่า 200 กรัมต่อกม.ขึ้นไป ซึ่งรถยนต์ที่มีขนาดเกิน 2,000 ซีซี มีปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนระหว่าง 200-300 กรัมต่อกม.
รายละเอียดของการปรับโครงสร้างภาษี (ดูตารางประกอบ) นอกจากนี้ ครม.ยังมีข้อสังเกตุเพิ่มเติมโดยเห็นควรให้รถยนต์ทุกประเภทต้องติดป้ายแสดงการประหยัดพลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนควบคู่ไปด้วย รวมถึงรถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งเกิน 10 คน, รถยนต์ E85, รถยนต์ NGV-OEM ที่มีขนาดความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ซีซี และมีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำกว่า 150 กรัมต่อกม.
สำหรับรถยนต์ไฮบริดที่มีความจุของขนาดกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี และมีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำกว่า 100 กรัมต่อกม., รถยนต์ PPV ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี และมีปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำกว่า 200 กรัมต่อกม., รถยนต์อีโคคาร์ที่ใช้เชื้อเพลิงเอทานอลไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไม่เกิน 100 กรัมต่อกม. กำหนดให้มีมาตรฐานความปลอดภัยเป็นมาตรฐานบังคับ
ผลจากการปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นชอบด้วย โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรืออีโคคาร์ เพราะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
อีโคคาร์คาร์ เดิมเสีย 17% ภาษีใหม่ 14% ทำให้ต้นทุนผลิตต่ำลง ราคาขายลดลงไปอีกแสนกว่าบาท และถ้าสามารถใช้เชื้อเพลิงอีอะไรก็ได้ไปจนถึงอี 85 โดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไม่เกิน 100 กรัมต่อกม. ภาษีจะเหลือ 12% ราคาขายจะยิ่งจูงใจมากขึ้น
ในขณะที่รถยนต์นั่งขนาดกลาง อาทิ ซีวิค โคโรลล่า แอคคอร์ด คัมรี่ กลุ่มนี้ภาษีขยับเพิ่ม 5% ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย ราคาขายดีดเพิ่มขึ้นอีก 1.5-2 แสนบาท และที่กระทบกระเทือนหนักสุด ก็เห็นจะเป็นกลุ่มรถปิกอัพและปิกอัพดัดแปลง เนื่องจากมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของตลาดรวม กลุ่มนี้แหละที่หลายค่ายกังวล อัตราภาษีที่เปลี่ยนแปลงจาก 5-10% อาจจะทำให้ตลาดเปลี่ยนไปจนน่าตกใจ ส่วนไฮบริดเดิมโตโยต้าเคยใช้เป็นจุดขายแต่เที่ยวนี้คงไม่ใช่แล้ว ถึงตอนนั้นคงต้องประเมินตลาดกันอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น