นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย นายศิตชัย จีระธัญญาสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ มร.อัทซึโอะ ซึคาดะ(Atsuo Tsukada) ผู้ช่วยหัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร่วมแถลงข่าวแนะนำสุดยอดรถยนต์นั่งเลกซัส LS ใหม่ เมื่อ วันที่ 30 ตุลาคม 2555 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมโอกูระ
เลกซัส LS เป็นยนตรกรรมที่สร้างสรรค์และพัฒนาภายใต้ปรัชญาการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ หรือ The Pursuit of Perfection ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยยอดขายทั่วโลกที่มากกว่า 730,000 คัน ตลอดทั้ง 4 เจนเนอเรชั่น
ส่าสุด เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ เลกซัส LS ใหม่ ที่ได้รับการปรับปรุงในรายละเอียดมากกว่า 3,000 จุด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดุดัน มีสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะภายในของเลกซัสคือความเงียบ ความประณีต ความสะดวกสบาย ความล้ำสมัย และความปลอดภัย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ ด้วย รุ่น LS460 รุ่น LS460L ที่ดูหรูหรา รุ่น F-Sport ที่มีความสปอร์ตทั้งด้านรูปลักษณ์และสมรรถนะ และรุ่น LS600h ที่สุดของรถยนต์ไฮบริด
การออกแบบ
รูปลักษณ์ภายนอกของเลกซัสLS ใหม่ได้ถูกออกแบบอย่างลงตัว โดดเด่นด้วยการนำหลอดไฟ LED มาใช้ในทุกจุด รวมถึงไฟตัดหมอกทรงแนวตั้งที่มาพร้อมเลนส์ PES (โพลิเอสเตอร์) ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดของโลก ระบบไฟหน้าที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ในเวลากลางวัน รูปทรงตัวแอล (Daytime Running Lights) สะท้อนให้เห็นรูปแบบที่นำสมัย พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ “Spindle Grille” เอกลักษณ์ใหม่แห่งดีไซน์ที่บ่งบอกความเป็นสุดยอดยนตรกรรมของเลกซัส ออกแบบบนพื้นฐานของความเรียบหรู ให้ความรู้สึกเหนือระดับ ที่เปี่ยมด้วยพลัง
ประสิทธิภาพการขับขี่
รุ่น LS600hL สุดยอดยานยนต์ไฮบริด ที่นำเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร มาผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ให้แรงม้าสูงสุดที่ 445 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนแบบ Full-time AWD ให้ความมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่
รุ่น LS460 มาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลังจากเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.6 ลิตรพร้อมระบบปรับวาล์วแปรผัน Dual VVT-iE ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า ส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รถยนต์เลกซัส LS ใหม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการรับรองมาตรฐานการปล่อยมลพิษยูโร ระดับ5 (EURO 5)
ด้วยเทคนิคการเชื่อมตัวถังแบบใหม่ ทำให้โครงสร้างของเลกซัส LS ใหม่มีความแข็งแรง มั่นคงและยืดหยุ่น ให้ความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการโช๊คอัพแบบแปรผันค่าความหนืด (Frequency Adaptive Damping) หรือ ระบบรองรับการสั่นสะเทือนแบบถุงลม (Adaptive Variable Suspension) ทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนดียิ่งขึ้น ระบบพวงมาลัยได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำและมีการตอบสนองรวดเร็วมากขึ้น ระบบเบรคที่ตอบสนองการเบรคในสถานะการณ์ฉุกเฉินได้รวดเร็วมากขึ้น แป้นเบรคให้สัมผัสที่ดีขึ้น รวมถึงโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ ECO, COMFORT, NORMAL, SPORTS และ SPORT S+ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เลกซัส LS ใหม่สมบูรณ์แบบด้วยประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยม
F SPORT
ครั้งแรกสำหรับเลกซัส LS กับเวอร์ชั่น F SPORT ที่นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของยานยนต์หรูที่ให้อารมณ์การขับขี่แบบบสปอร์ต ผสมผสานรูปแบบภายนอกที่ดุดัน กับภายในโฉบเฉี่ยวเร้าใจ พร้อมปรับความสูงของระบบช่วงล่างลง 10 มม. ดิสค์เบรคคู่หน้า Brembo แบบ 6 พอร์ต และแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) พร้อมเสริมประสิทธิภาพด้วยเฟืองท้ายหลังแบบ Torsen Limited Slip
ความเงียบ ความประณีต ความสะดวกสบาย และความล้ำสมัย
เลกซัส LS ใหม่ ยังคงมาตรฐานอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของรถยนต์เลกซัส ที่ภายในห้องโดยสารมีความเงียบและสบายที่สุดในโลก เป็นผลจากการพัฒนาวัสดุดูดซับเสียงที่ช่วยขจัดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ พื้นถนน และลมปะทะ พร้อมอุปกรณ์ที่ดูดซับเสียงในห้องโดยสารตอนหน้า
ครั้งแรกกับ Lexus Climate Concierge หรือ ระบบปรับอุณหภูมิอัจฉริยะแบบ Multi-Zone ที่ใช้เซ็นเซอร์กว่า 13 ตัว เพื่อวัดสภาพอากาศภายในห้องโดยสาร และกระจายความเย็นหรือความร้อนอย่างสม่ำเสมอทั่วห้องโดยสารตามความต้องการของผู้โดยสารแต่ละคน รวมทั้งปรับอุณหภูมิบริเวณเบาะนั่งและพวงมาลัยโดยอัตโนมัติ นอกจากนั้น ระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารของรถยนต์ LS ยังทำงานผสานกับ นาโน-อี(Nano-e) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ด้วยคุณสมบัติพิเศษ โดยการปล่อยประจุลบของน้ำออกมา เพื่อดักจับ และทำลาย เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย ภายในห้องโดยสาร ช่วยขจัดกลิ่นอับชื้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้อากาศภายในห้องโดยสารสะอาด สดชื่นตลอดการเดินทาง
ภายในโดดเด่น ด้วย Advanced Illumination System (AIS) สะท้อนความหรูหราภายในด้วย Welcome Light LED สี Champagne White บริเวณคอนโซลหน้า ที่จะเรืองแสงต้อนรับเมื่อเข้าใกล้ตัวรถ พร้อมแผงหน้าปัดที่ง่ายต่อการควบคุมและการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ด้วยการแบ่งโซนอย่างเด่นชัด ทั้งโซนแสดงผล (Display Zone) ซึ่งประกอบไปด้วย LCD Multi-display ขนาดใหญ่ที่สุด 12.3 นิ้ว และโซนควบคุม (Operation Zone) ที่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ด้วย Remote Touch Interface (RTI) เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่สามารถควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ในรถยนต์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เสมือนการคลิกเมาส์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 380 มิลลิเมตร สั้นกว่าเดิมถึง 10 มิลลิเมตร ให้ประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นพร้อมเติมอารมณ์สปอร์ต นอกจากนี้ แผงหน้าปัดที่มาพร้อมจอข้อมูลเรืองแสงออพติตรอนขนาดใหญ่ และจอแสดงผลแบบ Thin Film Transistor Multi-information ขนาด 5.8 นิ้ว เป็นจอแสดงข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดารถยนต์เลกซัสทั้งหมด ช่วยให้การอ่านค่าทำได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น
เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยสุดยอดเครื่องเสียงรอบทิศทางจาก Mark Levinson และระบบ Rear Seat Entertainment System ระบบบันเทิงเต็มรูปแบบหนึ่งเดียวที่มาพร้อม Blu-ray player พร้อมการออกแบบภายในที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายใต้แนวคิด Human-Centered Engineering ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานของมนุษย์ได้มากที่สุด
ระบบความปลอดภัยเหนือชั้น
มั่นใจสูงสุดด้วยระบบความปลอดภัยเหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการรวมไดนามิกของตัวรถ VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management) ที่ผสานการทำงานของระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะทำการควบคุมการทำงานของระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน (Adaptive Variable Suspension)* ระบบพวงมาลัยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (Electronic Power Steering) และอัตราทดเฟืองพวงมาลัยแบบแปรผัน (Variable Gear Ratio Steering)* ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะการควบคุมการทรงตัวของรถยนต์ทั้งในขณะขับขี่และเบรค รวมทั้งลดการเกิดอาการล้อหมุนฟรี ช่วยให้ทุกการเคลื่อนไหวของรถยนต์เป็นไปได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยสูงสุด
ระบบ Pre-Crash Safety* ที่มีเซนเซอร์ตรวจสอบความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชน หากตรวจพบว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่บนถนนเบื้องหน้า ระบบจะส่งสัญญาณเตือนผ่านหน้าจอแสดงผลทันที ทำให้เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ (Pre-Crash Seatbelt)* จะทำการดึงรั้งผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าอัตโนมัติ ช่วยให้คนขับและผู้โดยสารแนบชิดกับเบาะและพนักพิง เพื่อป้องกันการกระแทกอย่างรุนแรงจากพวงมาลัยหรือถุงลมเสริมความปลอดภัยหรือคอนโซลหน้า
ระบบ Passive Safety ที่ให้การปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS แบบคู่ (twin-chamber) สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างทั้งบริเวณที่นั่งตอนหน้าและหลัง และม่านถุงลมเสริมความปลอดภัยซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดการชนจากด้านหลัง หมอนรองศีรษะสำหรับที่นั่งตอนหน้า แบบ active headrests จะทำงานทันทีที่ได้รับสัญญาณจากถุงลมเสริมความปลอดภัยเบาะหน้า เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นบริเวณกระดูกต้นคอ อีกทั้งยังมีถุงลมเสริมความปลอดภัยเบาะรองนั่ง ออตโตมาน* ช่วยป้องกันการลื่นไถลของผู้โดยสาร เมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า ปกป้องผู้โดยสารให้ปลอดภัยสูงสุด ตลอดการเดินทาง