วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Isuzu ส่งท้ายนโยบายรถคันแรก เปิดบูธสัมผัสประสบการณ์ชีวิตสไตล์ X


อีซูซุส่งท้ายนโยบายรถคันแรก เปิดบูธสัมผัสประสบการณ์ชีวิตสไตล์เอ็กซ์ (X) ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29
หลังจากเสร็จสิ้นการเฉลิมฉลองยอดการผลิตรถอีซูซุในประเทศไทยครบ 3 ล้านคันไปเมื่อไม่นานมานี้ อีซูซุไม่รอช้าส่งท้ายนโยบายรถคันแรกด้วยการเปิดบูธอีซูซุจัดกิจกรรมสนุกๆ ให้เหล่าคนรักรถได้สัมผัสกับประสบการณ์ชีวิตสไตล์ “เอ็กซ์” ตอบโจทย์ความสนุกกับชีวิตอินเทรนด์ นำทัพโดย “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่นพิเศษ!” ที่มากับความเท่ โฉบเฉี่ยว ร้อนแรงในโทนสีแดง-ดำอันเป็นเอกลักษณ์ รถปิกอัพ“ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” หลายรุ่นหลากสไตล์ พร้อมด้วย “อีซูซุมิว-เซเว่น ช้อยส์ ใหม่!” รถอเนกประสงค์สปอร์ตหรู เพิ่มความสนุกกับชีวิตที่เลือกได้…ในสไตล์คุณ พร้อมความบันเทิงสุดเร้าใจ ณ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดทัพรถอีซูซุทุกรุ่นทุกเครื่องยนต์มาเต็มพิกัด ส่งท้ายนโยบายรถคันแรกที่จะหมดเขตในสิ้นปีนี้ ร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 (The 29th Thailand International Motor Expo 2012) สร้างสรรค์บูธตามคอนเซ็ป “UNLEASH YOUR X-LIFE…ฉีกทุกกฎ…สู่ชีวิตสไตล์ X” เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และสะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตแบบสุดๆ ของคนรุ่นใหม่ สนุกไปกับรถอีซูซุคู่ใจที่ตอบสนองได้อย่างไร้ขีดจำกัด
โดดเด่นกลางบูธด้วย “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่นพิเศษ!” ปิกอัพสุดเท่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงานฉลองยอดการผลิตรถอีซูซุครบ 3 ล้านคันในประเทศไทย มาพร้อมกับรูปโฉมใหม่ โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน ดีไซน์สำหรับคนหัวใจสปอร์ต ร้อนแรงในโทนสีแดง-ดำ เอกลักษณ์เฉพาะ “X-Series” พร้อมลายคาดคู่หน้า-หลังบอกตัวตนที่ชัดเจน สเกิร์ตหน้า- หลังสุดโฉบเฉี่ยวและ Sport Bar ยกระดับชีวิตสปอร์ตเพิ่มความลู่ลมสวยงามลงตัว พร้อมด้วย Bed liner ออกแบบพิเศษ กล้องมองหลังแบบ Built-in ใหม่ และครั้งแรกในรถปิกอัพของเมืองไทย กับ เสาอากาศแบบ “Shark Fin Antenna” เทคโนโลยีรับสัญญาณแบบ “Dual Function” สามารถรับสัญญาณ GPS และวิทยุได้พร้อมกันให้ความชัดเจนที่มากขึ้น และ Isuzu Genius Entry ระบบกุญแจอัจฉริยะ ล้ำสมัย เปิด-ปิดล็อคประตู และสตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท พร้อมระบบ Entertainment เต็มรูปแบบจาก ISUZU Media Solutions ชุดเครื่องเสียง Hi-end พร้อมเชื่อมต่อความบันเทิงได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม สูบฉีดความเร้าใจใหม่ให้พร้อมสำหรับทุกจังหวะชีวิต พร้อมระบบ ECO Function เพื่อการขับขี่อย่างประหยัดน้ำมัน และระบบแจ้งเตือนสภาพการจราจรแบบ Real-time Traffic Information พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยขุมพลังเกินขีดจำกัดของเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี แบบ DOHC 16 วาล์ว VGS TURBO พร้อมชุดเกียร์ออโตเมติก 5 สปีด อัตราทดต่อเนื่อง เร้าใจสุดกับ REV TRONIC ขับขี่ให้อารมณ์สปอร์ตแบบเกียร์ธรรมดา และชุดเกียร์ธรรมดา 5 สปีดแบบ SPORT-SHIFT ช่วงชักสั้น เข้าเกียร์ง่าย เร็ว กระชับ เพิ่มความสนุกในการขับขี่ โดยรถ “อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่นพิเศษ!” ที่นำมาโชว์โฉมในครั้งนี้มีให้เลือกเท่สองโทนสีคือสีขาวและสีดำ และมีให้เลือกในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู, Hi-Lander 4 ประตู และ รุ่น Speed
ตามติดมาด้วยรถ “อีซูซุมิว-เซเว่น ช้อยส์ ใหม่!” รถอเนกประสงค์สปอร์ตหรูที่อินเทรนด์สุดๆ พร้อมความบันเทิงที่ไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ลงตัว ค้นหาไลฟ์สไตล์สุดชิค พาชีวิตเริงร่าเติมเต็มความสนุกได้ทั้งครอบครัว โฉบเฉี่ยวด้วย ใหม่! ชุดกันชนพร้อมสปอยเลอร์ด้านหน้าและด้านท้ายสปอร์ตมีสไตล์ ดีไซน์ลงตัวกับชุดไฟหน้าและไฟท้าย แบบ Smoked Chrome ห้องโดยสารสุดสปอร์ต เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำแบบ Red Stitch ดีไซน์เข้าชุดกับคอนโซลลายไม้ Black Wood Grain บ่งบอกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง สนุกอินเทรนด์กับความบันเทิงไร้ขีดจำกัด ใหม่! สุดล้ำกับ Multimedia Entertainment System รุ่นล่าสุด อัพมาเต็มพิกัด ให้ระบบประมวลผลเร็วขึ้น ใช้งานง่าย เพียงปลายนิ้วสัมผัส กับหน้าจอระบบ Touch Screen สนุกกับฟังก์ชั่นโดนๆ และสามารถแสดงเส้นทางด้วย ไอ-จินนี่ ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ ที่รองรับ TIS (Traffic Information System) ข้อมูลสภาพการจราจร ให้คุณมุ่งสู่เส้นทางที่อยากไปได้ตามใจปรารถนา พร้อมจอภาพ LCD ใหม่! ขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว ติดตั้งบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง จัดมาให้สัมผัสกันเต็มที่ทั้งสีดำไมก้าและสีขาวเอเวอเรสต์
นอกจากนี้อีซูซุยังนำ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” (All-New Isuzu D-Max) รถปิกอัพสำหรับคนทั้งโลก ครบทุกรุ่น ทุกเครื่องยนต์ มาให้เลือกชมและสัมผัสพร้อมมาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้รถ โดยมี “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ วี-ครอส 4×4” 4 ประตู ตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ทั้งคัน พร้อมชุดแต่งพิเศษ เสริมความเท่อีกระดับ อาทิ ล้ออัลลอยด์ “Weld” ขนาด 10” x 20” พร้อมยาง BF Goodrich : All Terrain ขนาด 325/60 R 20 ชุดช่วงล่างจาก Race Runner สปอตไลต์แบบ LED ยี่ห้อ PIAA ขอลากเรือ พร้อมชุดแต่งเสริมไลฟ์สไตล์พิเศษ เช่น แร็กกระบะท้าย อุปกรณ์ยึดจับจักรยาน เป็นต้น
พร้อมจัดสรรประสบการณ์แบบสุดๆ สไตล์เอ็กซ์ภายในบูธอีซูซุ ได้แก่
• โซนมอเตอร์สปอร์ต (Motor Sport Corner) ตอกย้ำความสำเร็จของรถ “ออล-นิวอีซูซุดีแมคซ์” บนเวทีงานแข่งขันครอสคันทรีแรลลี่สุดหฤโหดระดับโลก นำโดยรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ วีครอส 4×4 มาตรฐานโรงงานที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง นำ 2 นักแข่งชาวไทย ผ่านการแข่งขัน 9 วันบนเส้นทางสุดโหดกว่า 3,000 กม. ในรายการ “ออสเตรเลเชี่ยน ซาฟารี 2012” (Australasian Safari 2012) จนคว้าชัยได้ถึง 4 รางวัล ได้แก่ รางวัลที่ 1 ในรุ่นโมดิฟายโปรดักชั่นดีเซลโอเพ่น, รางวัลนักขับต่างชาติยอดเยี่ยม, รางวัลผู้นำทางต่างชาติยอดเยี่ยม, และรางวัลอันดับ 7 โอเวอร์ออล (OR) ตามมาด้วยการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “NITTO 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2012” การแข่งขันที่ใช้รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ สเปซแคบ รุ่นใหม่หมด!” โดยปีนี้ได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ภายใต้มาตรฐานเดียวกันคือไม่ได้ปรับแต่งเครื่องยนต์หรือระบบส่งกำลังแต่อย่างใด ชิงเงินรางวัลรวม 100,000 บาท พร้อมถ้วยประทานจากพระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ ในรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันสนามสุดท้ายปลายปีนี้ในวันที่ 8-9 ธันวาคม ณ สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พัทยา จังหวัดชลบุรี
• ตื่นตากับการสร้างสีสันบนกำแพงสไตล์กราฟฟิตี้กับศิลปินสุดอาร์ต MAMAFAKA สะท้อนจินตนาการไร้ขอบเขตตามแนวคิดแบบ X-Series : UNLEASH YOUR X-LIFE
• แฟชั่นโชว์สุดเซ็กซี่สไตล์เรซซิ่งจากสาวๆ Allure Girls ให้ความรู้สึกเหมือนเกาะติดสนามรถแข่งระดับนานาชาติ
• ปลุกจังหวะหัวใจให้โลดแล่นไปกับจังหวะเพลงสุดมันส์กับเหล่าเลดี้ดีเจ
• ไม่พลาดกับการอัพเดทความเคลื่อนไหวต่างๆ ผ่าน Facebook Register พร้อมเกมส์เท่ๆ ในบูธอีซูซุ
• การประกวดภาพถ่าย All-new Isuzu D-Max Photo Contest 2012 ส่งภาพที่คุณถ่ายจากกล้อง Digital หรือ ผ่าน Instagram เพียงใส่ Hashtag #isuzuinstagram ลุ้นรับรางวัลบาดใจรวมกว่า 100,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีพิธีกรสาวสวยจากรายการ “สตรอเบอรี่ ชีสเค้ก” (Strawberry Cheesecake) ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสร้างความสนุกสนาน ณ บูธอีซูซุ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
“ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์”
ALL-NEW ISUZU D-MAX X-SERIES
ALL-NE”ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์” (All-new Isuzu D-Max X-Series) แหวกแนวคิดปิกอัพ กล้า…ที่จะนอกกรอบ ด้วยดีไซน์อันมีเอกลักษณ์ ตอบสนองความต้องการที่แตกต่าง ไม่ว่าจะขับเท่หรือขับสนุก ด้วยการคำนึงถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่เคยตามใคร เน้นความโดดเด่น แตกต่าง และโฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน เพื่อสูบฉีดความเร้าใจใหม่ให้พร้อมสำหรับทุกจังหวะชีวิต
• ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่น Hi-Lander อีกขั้นของความเท่ ด้วยการออกแบบยกสูง พร้อมชุดตกแต่งสปอร์ตเต็มอารมณ์
• ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่น Speed ได้อารมณ์สปอร์ต พร้อมการตกแต่งที่ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว เร้าใจ
X-Traordinary Design
บอกตัวตนด้วยสัญลักษณ์ ISUZU สีแดงที่กระจังหน้ารถ พร้อมชื่อรุ่น Hi-Lander และรุ่น Speed ร้อนแรงด้วยสีแดงโดดเด่น และสัญลักษณ์ X-SERIES ที่กระบะท้าย พร้อมลายคาดคู่หน้า – หลัง สไตล์สปอร์ตเอกลักษณ์เฉพาะ X-SERIES
• สเกิร์ตหน้า – หลัง ในรุ่น Hi-Lander โดดเด่นไม่เหมือนใคร และโฉบเฉี่ยว เร้าใจด้วยสเกิร์ตรอบคัน ในรุ่น Speed
• Sport Bar ยกระดับชีวิตสปอร์ตเพิ่มความลู่ลมสวยงามลงตัว พร้อมด้วย Bed liner ออกแบบพิเศษ (ในรุ่น Hi-Lander)
• ครั้งแรกในรถปิกอัพของเมืองไทยกับเสาอากาศแบบ Shark Fin Antenna เทคโนโลยีรับสัญญาณแบบ Dual Function สามารถรับสัญญาณ GPS และวิทยุได้พร้อมกันให้ความชัดเจนที่มากขึ้น (ในรุ่น 4 ประตู เกียร์ออโตเมติก)
• กล้องมองหลังแบบ Built-in ใหม่ (ในรุ่น 4 ประตู เกียร์ออโตเมติก) เพื่อการมองเห็นที่เหนือกว่า เพิ่มทั้งความปลอดภัย และสวยงาม
• กระจกมองข้างแบบโครเมี่ยมใหม่ดูโดดเด่น
• กระจังหน้าใหม่! สี Dark Grey
• ล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ 17 นิ้ว และ 16 นิ้ว สี Dark Grey เข้มเต็มอารมณ์สปอร์ต
• ลงตัวกับบันไดข้างดีไซน์โดดเด่นมีเอกลักษณ์ สีเงินสำหรับรถสีขาว และสีเทาดำสำหรับรถสีดำ
• สัญลักษณ์ SPEED บนกระจกหลัง บ่งบอกความเป็นคุณ และชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน เท่ 360 องศา ปราดเปรียวลู่ลม (ในรุ่น Speed)
X-Traordinary Interior
โดดเด่นทันสมัย สูบฉีดอะดรีนาลีนด้วยการตกแต่งภายใน กระตุ้นหัวใจตั้งแต่แรกสัมผัส ห้องโดยสารดีไซน์สปอร์ตโทนสีดำ กระชับความเร้าใจกับเบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำแดง (ในรุ่น 4 ประตู เกียร์ออโตเมติก) ให้ความโดดเด่น หรูหรา และเบาะผ้าสีดำแดง (ในรุ่น Hi-Lander เกียร์ธรรมดา และรุ่น Speed) สไตล์สปอร์ต พร้อมชุดตกแต่งคอนโซลและประตูสี Dark Grey เข้มเต็มสัมผัส
• บ่งบอกความสปอร์ตกับพวงมาลัยหุ้มหนังแท้เดินด้ายแดงพร้อมสัญลักษณ์ ISUZU สีแดงที่พวงมาลัย แค่จับก็สัมผัสได้ถึงความต่าง
• พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสมบูรณ์แบบ (ในรุ่น 4 ประตู เกียร์ออโตเมติก ) ควบคุมความบันเทิงบนพวงมาลัย โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน
• เต็มอารมณ์บันเทิงด้วย ISUZU Media Solutions แบบ Built-in ใหม่! (ในรุ่น 4 ประตู เกียร์ออโตเมติก) ดีไซน์ทันสมัย ลงตัวกับคอนโซลหน้า
• ครั้งแรกในรถปิกอัพของเมืองไทย Isuzu Genius Entry ระบบกุญแจอัจฉริยะ (ในรุ่น Hi-Lander) ล้ำสมัย สะดวกสบาย ให้เปิด-ปิดล็อคประตู และสตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท
• หุ้มคันเกียร์ด้วยหนังสีดำเดินด้ายแดง เท่ทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ (ในรุ่นเกียร์ธรรมดา)
X-Function
• Isuzu Genius Entry ครั้งแรกในวงการรถปิกอัพ ระบบกุญแจอัจฉริยะเพื่อการใช้งานที่สะดวก ให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย สามารถปลดล็อค และล็อคประตูได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท เพียงกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากรถไม่เกิน 80 ซ.ม. และเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ในรถก็สามารถที่จะสตาร์ทรถเพียงหมุนปุ่มสตาร์ทโดยไม่ต้องใช้กุญแจ
• ISUZU Media Solutions (ในรุ่น 4 ประตู เกียร์ออโตเมติก) ชุดเครื่องเสียง Hi-end ใช้งานง่าย สมบูรณ์แบบด้วยระบบ Entertainment เต็มรูปแบบ หน้าจอระบบสัมผัสใหญ่คมชัด เชื่อมต่อความบันเทิงโดยตรงได้ทั้ง iPod, iPhone, Smart Phone, Flash Drive และมีช่องอ่าน SD Card สามารถเล่นไฟล์ได้หลากหลาย พร้อมระบบ Bluetooth สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือและเล่นไฟล์เพลงได้ นอกจากนี้ยังมี i-Genii ระบบนำทางอัจฉริยะรุ่นล่าสุด พร้อมระบบแจ้งเตือนสภาพการจราจรแบบ Real-time (Real-time Traffic Information) ช่วยให้หลีกเลี่ยงพื้นที่การจราจรติดขัด ให้คุณใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระบบ ECO Function เทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมัน
X-Ploring Power
พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยขุมพลังเกินขีดจำกัด สมรรถนะของผู้นำ เกรี้ยวกราดในทุกเส้นทาง
• เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี แบบ DOHC 16 วาล์ว พร้อม VGS TURBO เต็มสัมผัส 136 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดแบบต่อเนื่องสูงถึง 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบ/นาที แรงจัดต่อเนื่องทุกช่วงความเร็ว
• ชุดเกียร์ออโตเมติก 5 สปีด อัตราทดต่อเนื่องพร้อมโหมด REV TRONIC ขับขี่เร้าใจ ให้อารมณ์สปอร์ตแบบเกียร์ธรรมดา
• ชุดเกียร์ธรรมดา 5 สปีดแบบ SPORT-SHIFT ช่วงชักสั้น เข้าเกียร์ง่าย เร็ว กระชับ เพิ่มความสนุกในการขับขี่
X-Citing Performance
มั่นใจไปกับทุกเส้นทางด้วยสมรรถนะที่ตอบสนองได้ทุกการขับขี่ กับช่วงล่างที่ออกแบบสำหรับคนหัวใจสปอร์ต
• i-GRIP PLATFORM กระจายน้ำหนักสมดุลยิ่งขึ้นเกาะถนนเป็นเยี่ยม
• SSF (Static Stability Factor) เสถียรภาพแห่งการทรงตัว พร้อมการออกแบบที่ได้สมดุลดีเยี่ยม ให้คุณควบคุมความสนุกได้ดั่งใจคิด
X-Ceeding Safety
สมบูรณ์แบบด้วยระบบความปลอดภัยเหนือระดับ มั่นใจได้ทุกสภาพถนน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยระบบ ACTIVE SAFETY และ PASSIVE SAFETY
• ดิสก์เบรก 300 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบลูกสูบคู่ (ในรุ่น Hi-Lander)
• สมบูรณ์แบบด้วยระบบเบรก ABS, EBD และ BA
• Dual SRS Airbags ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบมีกลไกดึงกลับอัตโนมัติ
• ระบบ ESC ลดโอกาสเสียการทรงตัวขณะเข้าโค้งหรือหักหลบกะทันหัน และระบบ TCS ป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัวรถ (ในรุ่น 4 ประตู เกียร์ออโตเมติก)
• กล้องมองภาพขณะถอยจอด Rear View Camera Built-in ใหม่! ให้ทั้งความสวยงามและความปลอดภัย
X-Treme Durability
เร้าใจไปอีกนาน ด้วยความทนทานพร้อมเทคโนโลยีระดับสูงเอกสิทธิ์เฉพาะอีซูซุ
• ชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยโซ่และเฟือง
• เสื้อสูบแบบ Melt-in Liner ชุบแข็งแบบเหนี่ยวนำด้วยคลื่นความถี่สูง และระบบหล่อเย็นน้ำมันเครื่องที่เสื้อสูบ
• โครงสร้างหัวเก๋ง และโครงสร้างกระบะท้ายแบบชิ้นเดียว แข็งแรงลดการเกิดสนิม

Peugeot แนะนำ Expert รถตู้อเนกประสงค์สไตล์ LUV ในงาน Motor Expo 2012


 ส่งเปอโยต์ 408 ซีดาน สปอร์ตหรู นำทัพดันยอดขาย พร้อมแนะนำ Expert รถตู้อเนกประสงค์ สไตล์ LUV รุ่นใหม่
• เสนอแคมเปญพิเศษบวกราคารถเก่าเพิ่มอีก 20% เมื่อลูกค้านำมาแลกซื้อ เปอโยต์ 408 พร้อมของแถมอีกเพียบ
• ตั้งเป้ายอดขายปีนี้จะทำสถิติ 500 คัน

งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 จัดขึ้นที่ ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2555 บริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ในประเทศไทยได้ร่วมออกบูธ แบบจัดเต็ม ชิมลางแนะนำรถตู้อเนกประสงค์รุ่นใหม่ The New Peugeot Expert และนำรถทุกรุ่น ไปร่วมงาน พร้อมเสนอแคมเปญแรงที่ไม่ควรพลาด
นายจักรรัตน์ ลีนุตพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมามียอดจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ทั้งสิ้น 220 คัน โดยปี 2555 นี้ตั้งเป้าการจำหน่ายรวมไว้ที่ 500 คัน ซึ่งช่วงไตรมาส 4 และโค้งสุดท้ายปลายปีนี้ บริษัทได้เข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ภายในบูธได้นำรถเข้าโชว์หลายรุ่น พร้อมจัดแคมเปญส่งเสริมการขายให้แก่ลูกค้าเอาใจแฟนสิงห์ผยอง แบบจุใจ เพื่อเป็นการสนับสนุนการจำหน่ายและช่วยให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจเป็นเจ้าของได้เร็วขึ้น ซึ่งรถยนต์ที่นำมาจัดแสดงและจำหน่าย ได้แก่
เปอโยต์ 408 Exclusive Sedan ที่ยกระดับการเดินทางอย่างเหนือชั้น
เปอโยต์ 408 รถยนต์นั่งในกลุ่ม C-Segment ที่ผสานความโดดเด่น 4 ประการ เพื่อให้เป็นยนตรกรรมชั้นเยี่ยมคู่ควรกับคนพิเศษ
Elegance : ความหรูหราสง่างาม รถยนต์เปอโยต์ 408 เป็นรถยนต์นั่งขนาด Compact Car ที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อลดแรงเสียดทานขณะขับขี่ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟหน้าฮาโลเจนในโคมเรียวเฉียงขนาดใหญ่ สะดุดตากับโลโก “สิงห์” และแนวเส้นสันบนแนวฝากระโปรงหน้า กันชนแนวสปอร์ตหรูด้วยคิ้วโครเมียม มีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขนาบข้างด้วยไฟตัดหมอกที่ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น ด้านข้างเรียบแต่เฉียบคมด้วยเส้นเหลี่ยมสันตลอดแนวประตูจรดด้านท้าย พร้อมคิ้วกันกระแทกที่เดินเส้นโครเมียมช่วยให้ตัวรถน่าหลงใหลชวนมอง ขณะที่ขอบฝากระโปรงท้ายออกแบบให้เป็นสปอยเลอร์ในตัว พร้อมไฟท้าย “กรงเล็บสิงห์” (Lion claw) อันเป็นเอกลักษณ์ของเปอโยต์ 408
Space : ความกว้างขวางสะดวกสบาย ภายในกว้างขวางจากการขยายฐานล้อ ช่วยสร้างความสบายให้กับผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เบาะนั่งแบบ Semi Bucket Seat ช่วยโอบรับสรีระของผู้ขับขี่ให้กระชับ เบาะหลังพร้อมหมอนรองศีรษะแบบ Comma type แยกส่วนและสามารถปรับพับพนักพิงอัตราส่วน 60:40 เพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการบรรทุกสัมภาระให้มากยิ่งขึ้นพรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งจอแสดงผลมัลติฟังก์ชั่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รวมทั้งความสุนทรีย์ตลอดการเดินทางด้วยชุดเครื่องเสียง RD4 และช่องเสียบ USB พร้อมลำโพง 6 ตัว สามารถรับสัญญาณ Bluetooth จากโทรศัพท์มือถือได้ถึง 3 เครื่อง
พวงมาลัย 3 ก้านปรับได้ 4 ทิศทางพร้อมสวิตช์ปรับตั้งความเร็วและระบบควบคุมความเร็ว (Cruise Control & Speed limiter)
Performance : สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ขุมพลังของเปอโยต์ 408 ที่นำเข้ามาแนะนำในครั้งนี้ เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,600 ซี.ซี. พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ ที่ให้การตอบสนองได้ดั่งใจตั้งแต่รอบเครื่องต่ำๆ ด้วยกำลังสูงสุด 121 kW (165 HP) ที่ 5,800 รอบต่อนาทีและแรงบิด 240 Nm ที่มีให้ใช้ที่รอบเครื่องต่ำเพียง 1,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งเกียร์ทั้ง 2 รุ่นมีระบบ Porsche Tiptronic ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำช่วงล่างด้านหน้าแบบชิวโด แมคเฟอร์สันสตัรทพร้อมเหล็กันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่น บีม พร้อมเหล็กกันโคลง กับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เฉียบคมต่อการบังคับควบคุมด้วยยางสปอร์ต 225/45
Safety : ความปลอดภัยมาตรฐานสากล นอกจากโครงสร้างที่แข็งแกร่ง สามารถปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ดีเยี่ยมแล้ว เปอโยต์ 408 ยังได้ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยมากมาย
โดยในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 นี้ บริษัทได้จัดแคมเปญดีๆ สำหรับลูกค้าที่ต้องการจับจองเป็นเจ้าของรถซีดาน สปอร์ต หรู ราคาเบาๆ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และ 2.0 ลิตร ดังนี้
- Trade in Support : สำหรับลูกค้าที่สนใจจองรถยนต์ Peugeot 408 ทั้งรุ่น 2.0 และรุ่น 1.6 Turbo
บริษัทมอบสิทธิพิเศษเพิ่มมูลค่ารถเก่าที่นำมาแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นให้อีกสูงสุดถึง 20 % จากราคาประเมิน (ตามเงื่อนไขของบริษัท)
- มอบ iPad mini มูลค่า 11,200 บาท สำหรับลูกค้าที่จองภายในงาน Motor Expo ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 29 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2555
- ฟรีประกันภัยชั้น 1
- ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 1 ปี
นอกจากนี้ยังมีเปอโยต์ 508 หนึ่งในความสมบูรณ์แบบของความภูมิฐานพร้อมแรงบันดาลใจ ด้วยเอกลักษณ์ที่คุณสัมผัสได้ ตำนานอันเลื่องชื่อถึงความเชี่ยวชาญในการพัฒนารถยนต์ในรูปแบบรถเก๋งซีดานขนาดใหญ่ หรือแกรนด์ ทัวร์ริ่ง คาร์ของ “เปอโยต์” ทำให้เปอโยต์ 508 ใหม่ สะท้อนความเหนือระดับของผู้นำยนตรกรรมบนพื้นฐานแห่งแรงบันดาลใจ ความน่าเชื่อถือกับอายุการใช้งานที่ยาวนานรวมถึงความคล่องตัว ผสมผสานกับจุดเด่นอันทรงพลังด้านการออกแบบที่ก้าวหน้าส่งผลให้ เปอโยต์ 508 ใหม่ เหนือกว่ารถซีดานทั่วไป
เปอโยต์ 508 หนึ่งในผู้นำของพลังเครื่องยนต์ มาพร้อมเครื่องยนต์ HDi ดีเซล เทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร HDi 120 กิโลวัตต์ (165 แรงม้า) แรงบิด 340 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 speed และมีค่า CO2 เพียง 149 กรัม / กิโลเมตร โดยมีการพัฒนาระบบเครื่องยนต์เป็นพิเศษให้มีน้ำหนักเบา โดยเทคโนโลยีไทเทเนียมน้ำหนักเบาได้นำมาใช้ในใบพัดของเทอร์โบเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพของการหมุนและลดแรงเสียดทาน พร้อมด้วยการทำงานของ Volt Control และหัวฉีดดีเซลใหม่ล่าสุด (Piezo) ที่ทำงานด้วยแรงดันสูงผ่านการควบคุมระบบไฟฟ้าให้เชื้อเพลิงกระจายผ่านช่องจ่ายน้ำมันที่มี 8 ช่องต่อหัวฉีดสู่ห้องเผาไหม้ ส่งผลให้ได้กำลังต่อเนื่องและลดมลพิษ
ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน และพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าทำงานอย่างแม่นยำและตอบสนองความสะดวกสบายของจังหวะวงเลี้ยวอย่างต่อเนื่อง ปรับน้ำหนักพวงมาลัยอัตโนมัติในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงให้สัมพันธ์กับความเร็ว ออกแบบให้มีระดับของความปลอดภัยดีที่สุดด้วยโครงสร้างที่สามารถยุบตัวพร้อมด้วยเทคโนโลยีการป้องกันจากอุปกรณ์ที่ก้าวหน้า เช่น ถุงลมนิรภัยด้านหน้า, ด้านข้างของด้านหน้า 2 จุด, ม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า เป็นต้น
เปอโยต์ บิบเปอร์ เมโทร โมเดล 2012 มินิเอ็มพีวีที่น่าจับตามอง
เปอโยต์ บิบเปอร์ เมโทร (Bipper Metro) รถเอนกประสงค์ พัฒนารถตามแนวทางของเปอโยต์ ออกแบบให้มีความสะดวกสบายกะทัดรัด เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและนอกเมือง ขนาดของรถมีความคล่องตัวและ ง่ายต่อการขับขี่ มีนวัตกรรมที่มาพร้อมกับความสนุกสนาน และการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม
บิบเปอร์ เมโทร รถมินิเอ็มพีวี ขนาดเล็ก ประตูสไลด์ด้านข้าง มิติความยาว กว้าง และสูง คือ 3,864 x 1,684 x 1,720 มิลลิเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 5 คน พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังปริมาณความจุ 356 ลิตร และสามารถขยายได้ มากถึง 884 ลิตร โดยการแบ่งพื้นที่นั่งด้านหลังและพื้นที่เก็บของในอัตราส่วน 6 ต่อ 4 จากการพับเบาะหลัง
อุปกรณ์มาตรฐานประกอบไปด้วยถุงลมนิรภัย,Stop/Start system, ระบบเบรกABS,EBD,EBA,ESP กระจกไฟฟ้าด้านหน้า เซ็นทรัลล็อค ประตูสไลด์ด้านข้าง และเบาะนั่งคนขับปรับความสูงพร้อมที่รองแขน และระบบปรับอากาศ ราคา 1,090,000 บาท มี 6 ให้เลือกคือ ขาว,ฟ้า,เขียว,บรอนซ์,ดำ
Peugeot RCZ รถยนต์สปอร์ต คูเป้ โดดเด่นสะกดทุกสายตา
เปอโยต์ RCZ (Peugeot RCZ ) ถือเป็นยนตกรรมแห่งจิตวิญญาณของยานยนต์ฝรั่งเศส รูปลักษณ์โดดเด่น ความเป็นรถสปอร์ตเหนือชั้นด้วย หลังคาและกระจกหลังแบบโค้งและได้รับคำชมในตลาดว่า เป็นรถที่มีรูปโฉมที่สวยที่สุดรุ่นหนึ่งในรอบหลายปีของตลาดยุโรป เปอโยต์ RCZ ถือเป็นสุดยอดรถสปอร์ต จากฝรั่งเศส ที่ได้รับการออกแบบภายใน และภายนอก อย่างโดดเด่นด้วย ตัวถังแบบคูเป้ มี 2 ที่นั่งด้านหน้า และที่นั่งโดยสารด้านหลังสามารถรองรับผู้โดยสารได้อีก 2 คน สไตล์ของรถโดดเด่น และเพียบพร้อมไปด้วยแนวคิดใหม่ที่ทำให้รถสปอร์ต คูเป้ เต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอย เบาะหลังสามารถพับเก็บได้ซึ่งจะทำให้ได้พื้นที่กว้างขวางขนาด 384 ลิตร
การออกแบบภายนอกเปอโยต์เน้นความสำคัญในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลังคาที่มีเส้นนำสายตายาวต่อเนื่องไปถึงกระจกหลังแบบ Double Bubble เชื่อมด้วยเส้นสายโค้งมนที่ดูหรูหราจากพื้นผิวของอลูมิเนียม
ภายในเน้นความเหมาะสมของตำแหน่งสรีระผู้ขับขี่เป็นหลัก คอนโซลทรงเฉี่ยว ผสานวัสดุแบบดั้งเดิม เข้ากับรสนิยม สอดแทรกด้วย วัสดุไฮเทคยุคใหม่ ภายในห้องโดยสารของ RCZ มีลักษณะเล่นระดับสไตล์ของรถสปอร์ต ในส่วนของผู้ขับขี่และส่วนของผู้โดยสารมีเบาะหลังอีก 2 ตำแหน่งที่สามารถพับเบาะลงได้
เปอโยต์ RCZ จัดว่าเป็นสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ของเปอโยต์ที่ได้รับการยอมรับอย่างดี ผู้คนที่พบเห็นต่างหลงไหลในรูปทรงและดีไซน์ จึงทำให้กลายเป็นรถที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด
ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบเมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังเป็นแบบกันสะเทือนหลังรูปตัวยู โดยระดับความสูงของที่นั่งได้ปรับลดลง 20 มิลลิเมตร และความกว้างของระยะระหว่างล้อเพิ่มขึ้น 54 และ 72 มิลลิเมตร สำหรับล้อหน้าและล้อหลังตามลำดับซึ่งช่วยให้รถยนต์ยึดเกาะถนนมั่นคง
ระบบพวงมาลัยแบบไฮโดรลิก ส่วนระบบเบรกได้เพิ่มจานเบรกขนาดใหญ่ ด้านขุมพลังของรถใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Direct Injection ขนาด 1.6 ลิตร ระบบเกียร์อัตโนมัติให้กำลังทั้งสิ้น 156 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 240 Nm ที่ 1,400 รอบ/นาที โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 40.9 ไมล์/แกลลอนหรือ 6.9 ลิตร/100 กิโลเมตร
ในด้านความปลอดภัย RCZ มากับระบบช่วยการทรงตัวอิเลคทรอนิกส์ ESP, Hill Start Assist ป้องกันรถไหลเมื่อออกตัวบนเนิน ไฟหน้าไบ-ซีนอน ปรับตามทิศทางรถ โครงสร้างกระจายแรงกระแทกจากด้านหน้าแบบ 3 ทิศทาง ฝากระโปรงหน้าแบบปรับอัตโนมัติเพื่อลดการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการชนคนเดินถนน
นอกจากนี้บูธเปอโยต์ ปีนี้สร้างความคึกคัก ด้วยการแนะนำ The New Peugeot Expert รถยนต์อเนกประสงค์ใหม่ พร้อมเปิดให้จองภายในงาน
ซึ่งจะทำตลาดอย่างจริงจังในปี 2556 และคาดว่าจะเป็นรถยนต์เปอโยต์อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวไทย ที่ต้องการรถตู้อเนกประสงค์ที่มีดีกรีสายพันธุ์รุยุโรปและสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาสมเหตุสมผล
The New Peugeot Expert รถตู้อเนกประสงค์รุ่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบโดยสะท้อนคุณลักษณะเฉพาะของเปอโยต์ ผสมผสานความสะดวกสบายของอรรถประโยชน์การใช้งาน และสมรรถนะที่เหนือชั้นของเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ แบบไดเร็กอินเจคชั่น พร้อมระบบกรองอนุภาคไอเสียที่ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเครื่องยนต์ที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมและมลพิษทางอากาศ โดยมีการปล่อยก๊าซ CO2 ในปริมาณที่ต่ำเพียง 189 กรัม/กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5
The New Peugeot Expert นี้ นับเป็น Generation ที่ 3 หลังจากเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1995 และประสบความสำเร็จด้วยยอดจำหน่ายกว่า 475,000 คันทั่วโลก ซึ่งเป็นการแสดงถึงความนิยมอย่างสูงจากผู้ใช้รถยนต์สำหรับครอบครัว โดยได้ปรับรูปลักษณ์โดยนักออกแบบ ให้มีความทันสมัยและสง่างาม ฝากระโปรงหน้ามีโลโก้สิงห์แบบใหม่อยู่เหนือกระจังหน้าโครเมียมที่หรูหาร เส้นสายตัวถังที่โดดเด่นและสื่อถึงพลังแห่งการขับเคลื่อนแม้ขณะจอดอยู่
ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ แบบไดเร็กอินเจคชั่น ( HDi) ขนาด 2.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะสูงขึ้น สามารถสร้างกำลังได้ถึง 163 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาทีและแรงบิด 340 นิวตันเมตรที่รอบต่ำที่ 2,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์ทำงานได้ราบเรียบ ไม่มีเสียงรบกวน เพิ่มสุนทรียภาพขณะเดินทาง ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการปล่อย Co2 ต่ำ และผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 ทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ส่งถ่ายกำลังสู่การขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล ทั้งยังทรงตัวและเกาะถนนเป็นเยี่ยมจากระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันพร้อมปีกนกด้านล่างและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบกึ่งคานบิดพร้อมคอยล์สปริงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่เลื่องชื่อของ Peugeot
ดังนั้น The New Peugeot Expert ใหม่ จึงเปิดนิยามการเดินทางด้วยรถอเนกประสงค์แบบ LUV (Leisure Utility Vehicle) ขนาดกะทัดรัดสามารถใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องแคล่ว สะดวกสบายอย่างแท้จริง
- เป็นกลุ่มรถตู้อเนกประสงค์ เครื่องยนต์เซล คอมมอนเรลเทอร์โบ HDi 2.0 ลิตรให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า
- ดีที่สุดในกลุ่มรถตู้เอนกประสงค์ ด้ายการปล่อย CO2 ต่ำ
- ทันสมัยและสะดวกสบายด้วยระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทิปทรอนิค (Tiptronic)

Volvo เปิดตัวรถยนต์ใหม่ ปี 2013 พร้อมนำเสนอ 3 เทคโนโลยีแห่งอนาคต


วอลโว่เปิดตัวรถยนต์ใหม่ปี 2013 พร้อมนำเสนอ 3 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่ ซึ่ง “ออกแบบมาเพื่อคุณ” สนองได้ทุกความต้องการของคนทันสมัย ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมนี้ เป็นครั้งแรก ให้ลูกค้าได้ใช้เทคโนโลยีแห่งอนาคต รวมทั้งนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยชั้นนำของโลกได้ทันที พร้อมสร้างสีสันในงานด้วย รถยนต์วอลโว่ V50 ยอดนิยมหุ้มสีทองทั้งคันเพื่อโปรโมทแคมเปญวอลโว่ V50 มอบทอง คุ้มครอง คุ้มค่า และเลือกรับบริการรับประกันคุณภาพ (Warranty Plus) เพิ่มฟรีอีก 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร เที่ยวฮ่องกง แอปเปิ้ลแมคบุ๊คแอร์ และอุปกรณ์ตกแต่ง เมื่อซื้อวอลโว่รุ่นอื่นๆ

เทคโนโลยีความปลอดภัยล่าสุดที่จะกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์วอลโว่รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในงาน ได้แก่ Active High Beam และ Road Sign Information ติดตั้งในรุ่น S60 DRIVe (S) V60 DRIVe S80 D4 S80 T4 และ XC60 D4 รวมทั้งเทคโนโลยี Tunnel Detection ซึ่งจะติดตั้งในรถยนต์รุ่นใหม่ทุกรุ่น และเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่สามารถสัมผัสได้ในวันนี้ สอดคล้องกับแนวคิดของมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งที่ 29 ที่ว่า “ยานยนต์วันหน้า ที่มาวันนี้” ซึ่งสื่อถึงคุณสมบัติของรถยนต์แห่งอนาคตที่ผู้ใช้ต้องการ คือ สะดวก ประหยัด ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ส่วนรถยนต์รุ่นปี 2013 ที่จะเปิดตัวในงานนี้ได้แก่ S60 DRIVe, V60 DRIVe, S80, XC60 D4 และ XC90 D5ได้รับการตกแต่งเพิ่มความหรูหราทันสมัยใช้งานง่ายด้วยหัวเกียร์ใหม่ทมีรูปทรงจับกระชับมือ ใช้วัสดุเรืองแสงสีขาวในความมืดและแสดงตำแหน่งเกียร์ด้วยแสงสีเขียวไว้บนหัวเกียร์เพื่อให้มองเห็นได้ง่าย
นางฉันทนา วัฒนารมย์ ประธานบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากกลยุทธ์ “Designed Around You” ของวอลโว่ที่เกิดจากแนวคิด “ออกแบบมาเพื่อคุณ” คือไม่ว่าจะทำอะไรเราจะคิดถึงคนเป็นหลัก ในรถยนต์รุ่นปี 2013 จึงมีเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาเพิ่มเติมจากนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบายที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้ความมั่นใจและความปลอดภัยมากขึ้นกับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารและผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้อย่างน่าประทับใจ วอลโว่ได้ใช้เวทีงานมอเตอร์เอ็กซ์โปในปีนี้เป็นที่เปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่สะดวก ประหยัด ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหลักของงานที่ว่า “ยานยนต์วันหน้า ที่มาวันนี้” เพื่อแสดงจุดยืนของวอลโว่และสนับสนุนการสร้างความตระหนักในเรื่องของความปลอดภัยและความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมทาง และสำหรับผู้ที่จองรถในงานนี้ ก็สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้ได้ทันที
“เทคโนโลยีแห่งอนาคตเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของวอลโว่ ที่จะลดอัตราการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสให้เป็นศูนย์สำหรับผู้ใช้รถยนต์วอลโว่และผู้ร่วมใช้ถนนตั้งแต่รถรุ่นปี 2020 เป็นต้นไป ดังนั้นเราจึงได้พัฒนาระบบความความปลอดภัยให้ขยายวงกว้างมากกว่าความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนไปสู่การหลีกเลี่ยงการชน เทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ จึงช่วยคาดการณ์ว่า ในสถานการณ์ต่างๆ จะเกิดอะไรขึ้น และช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงได้อย่างไร เทคโนโลยีแห่งอนาคตถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย สะดวก และให้ความปลอดภัยสูงสุด” นางฉันทนากล่าว
เทคโนโลยีแห่งอนาคต.. สัมผัสได้วันนี้ที่วอลโว่
• ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam)
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้ไฟส่องสว่างด้านหน้ารถได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจะปรับเปลี่ยนระดับไฟจากไฟต่ำเป็นไฟสูง และจากไฟสูงเป็นไฟต่ำให้โดยอัตโนมัติเพื่อความเหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ เทคโนโลยีนี้ใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ตรงกลางด้านบนของกระจกหน้า เพื่อตรวจจับแสงไฟหน้าของรถคันที่สวนมา ส่วนซอฟต์แวร์จะวิเคราะห์ข้อมูลเรื่องทิศทางและตำแหน่งของรถที่สวนมา ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังระบบไฟส่องสว่าง ถ้ารถที่สวนมาเข้ามาอยู่ในระยะที่กำหนด ระบบจะปรับไฟหน้ารถลงมาเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติ เมื่อพ้นไปแล้วก็จะปรับมาเป็นไฟสูงเหมือนเดิมเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืน
ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติยังสามารถทำงานร่วมกับระบบไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัย (Active Bending Lights) รวมทั้งเซ็นเซอร์วัดน้ำฝนเพื่อปรับการทำงานของไฟและที่ปัดน้ำฝนซึ่งจะให้ทัศนวิสัยที่ดีที่สุดแก่ผู้ขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ
• ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection)
ระบบนี้จะเปิดไฟหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งเข้าสู่ที่มืดหรืออุโมงค์ และเมื่อออกจากอุโมงค์ก็จะปิดไฟหน้ารถหรือกลับมาสู่ตำแหน่งไฟที่ตั้งไว้เดิมโดยอัตโนมัติเช่นกัน ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืดทำงานโดยอาศัยเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งบนกระจกหน้าช่วยวัดแสงและคาดสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อสั่งการให้ระบบนี้ทำงาน นอกจากระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้แก่ผู้ขับขี่แล้ว ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ เพราะตามนุษย์ต้องอาศัยเวลาในการปรับการมองเห็นเมื่อระดับของแสงเปลี่ยนไป
• ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information)
เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรและลดความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจรในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ผู้ขับไม่สามารถอ่านป้ายต่างๆ ได้ทันตลอดเวลา ระบบนี้จึงช่วยเป็นหูเป็นตา อ่านและแสดงสัญญลักษณ์ที่เป็นสากลบนแผงหน้าปัด เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว ป้ายห้ามแซง กล้องที่ติดตั้งที่หน้ารถจะสามารถตรวจจับป้ายจราจรที่ได้มาตรฐานของยุโรปและสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ รถยนต์ของวอลโว่ ยังอัดแน่นด้วยนวัตกรรมยานยนต์เพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบายอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ (City Safety) เพื่อความปลอดภัยในเมือง ที่ช่วยหยุดรถอัตโนมัติเมื่อมีโอกาสชนท้ายคันหน้าเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 ก.ม. / ช.ม. ระบบตรวจจับคนเดินถนนพร้อมระบบเบรกแบบเต็มแรงเบรก (Pedestrian Detection with Full Auto Brake) ที่สามารถตรวจจับได้ว่ามีคนเดินถนนกำลังเดินเข้ามาในทิศทางเดียวกันกับรถ และจะหยุดรถอัตโนมัติถ้าคนขับไม่เบรกอย่างทันท่วงทีและทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 35 กม./ชม. ระบบเตือนเพื่อหลีกเลี่ยงการชนพร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถแบบเต็มแรงเบรก (Collision Warning with Full Auto Brake) ระบบจะเตือนผู้ขับขี่ก่อนเมื่อเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป และจะหยุดรถโดยทันทีถ้าผู้ขับขี่ไม่เหยียบเบรกทันท่วงที รวมทั้งเปิดสัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินเพื่อเตือนรถคันที่ตามหลังมาให้ระวังตัว
ฮ็อตดีลจากวอลโว่
ไฮไลท์ของบูธวอลโว่ คือ รถยนต์วอลโว่ V50 ที่หุ้มสติ๊กเกอร์สีทองทั้งคัน โดดเด่นสะดุดตา และสื่อถึงโปรโมชั่นพิเศษเพื่อลูกค้าที่จองรถยนต์รุ่นนี้ โดยมีสิทธิ์ลุ้นรับทองทุกเดือนน้ำหนักรวม 80 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซื้อก่อนมีสิทธิ์ลุ้นทองได้มากกว่า ทั้งนี้ ลูกค้าที่จะมีสิทธิ์ในการลุ้นรับทองคำแท้ จะต้องจองรถระหว่าง 1 ตุลาคม – 10 ธันวาคม 2555 และรับรถภายในวัน 30 วันหลังจากจอง นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอพิเศษสุด ดาวน์สบายๆ เพียง 5% ดอกเบี้ย 0.5%
สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์รุ่นใหม่ทุกรุ่น รับทันที บริการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 ก.ม. บริการรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 ก.ม. และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Volvo Assistance) 3 ปี ฟรี
นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อรถยนต์วอลโว่รุ่นอื่นๆ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 28 ธ.ค. 55 ยังมีสิทธิ์เลือกของขวัญส่งท้ายปีเก่า 1 ใน 4 รายการได้แก่
1. บริการรับประกันคุณภาพ (warranty plus) เพิ่มฟรีอีก 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร
2. แพ็คเกจเที่ยวฮ่องกงพร้อมที่พักสำหรับ 2 ท่าน
3. แอปเปิ้ลแม็คบุคแอร์ ขนาด 13 นิ้ว
4. อุปกรณ์ตกแต่ง
4.1 อุปกรณ์นำทางด้วยสัญญาณดาวเทียม (GPS) และอุปกรณ์ตกแต่งปลายท่อไอเสีย สำหรับรถรุ่น S60 S80 และ V60
4.2 บันไดข้าง (running board) สำหรับรถรุ่น XC60 และ XC90
“ด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต รถยนต์รุ่นใหม่ที่ออกแบบตามกลยุทธ์ “ออกแบบมาเพื่อคุณ” พร้อมด้วย แคมเปญพิเศษ กิจกรรมส่งเสริมการขายที่โดนใจ และบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานวอลโว่เราเชื่อว่า วอลโว่จะสามารถทำยอดขายในงานได้ 250 คัน ซึ่งจะทำให้วอลโว่ปิดปีนี้ด้วยยอดขาย 1,850 คัน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1,600 คัน แน่นอน” นางฉันทนากล่าว
พบกับยนตรกรรมแห่งอนาคตจากวอลโว่และเลือกรับของขวัญส่งท้ายปีเก่า ได้ที่โชว์รูมวอลโว่ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้และที่บูธรถยนต์วอลโว่ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

The All-New Range Rover อวดโฉมในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29


ประเทศไทย 28 พฤศจิกายน 2555 – แลนด์โรเวอร์ เปิดตัว “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ (The All-New Range Rover)” ยอดยนตกรรมสมรรถนะเหนือชั้นภายใต้รูปลักษณ์ที่ภูมิฐานสง่างาม เป็นครั้งแรกในเอเชีย ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ณ พื้นที่จัดแสดงของแลนด์โรเวอร์ หมายเลข B01 ในเวลาประมาณ 12.30 น.

ภายหลังจากที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกไปแล้วที่งานปารีสมอเตอร์โชว์ ยานยนต์รุ่นที่ 4 จากเรนจ์โรเวอร์ ได้โอกาสอวดโฉมแก่บรรดาแขกผู้มีเกียรติ บุคคลสำคัญ และนักธุรกิจชั้นนำในเมืองไทย รวมถึง นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย โดยงานออกแบบครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมอย่างเหนือชั้น เพื่อสืบสานจิตวิญญาณอันรุ่งโรจน์ตลอด 40 ปี ทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เป็นสุดยอดงานออกแบบแห่งแบรนด์ผู้นำยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู จาก แลนด์โรเวอร์
ภายในพื้นที่จัดแสดง B01 ของแลนด์โรเวอร์ นำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่ในตระกูลเรนจ์โรเวอร์ ซึ่งมีทั้งส่วนนำเสนอรถยนต์รุ่นต่าง ๆ การจัดแสดงเทคโนโลยีส่งกำลังและชิ้นส่วนอะไหล่ ตลอดจนการออกแบบตกแต่งภายนอกและห้องโดยสารภายในที่หรูหรา พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความประณีตสวยงามจากแลนด์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ คืออีกหนึ่งหลักชัยของแลนด์โรเวอร์ ที่ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจากการทุ่มงบประมาณลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อยานยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะยานยนต์รุ่น Autobiography 4.4-litre SDV8 ซึ่งมาพร้อมที่นั่งด้านหลังแบบเอ็กเซกคูทีฟ คลาส สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายที่เหนือระดับ รวมถึงหลังคาแบบพานอรามิก ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติวิธีการออกแบบครั้งสำคัญแห่งวงการยานยนต์อเนกประสงค์ระดับโลกอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ยังเป็นยานยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกของโลก ที่ใช้ตัวถังแบบโครงอลูมิเนียมน้ำหนักเบา เพื่อมอบสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยเสถียรภาพและความคล่องตัวในการขับขี่ที่สูงขึ้นในทุกสภาพถนน โดยยังคงประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ
มร. เดล โจนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัววา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “เมื่อเราถามลูกค้าว่า ท่านต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งใด คำตอบที่ได้รับคือ คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แค่ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นเท่านั้น”
เราไม่เพียงต้องการสร้างยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น หากเรายังมุ่งมั่นสร้างสรรค์ยานพาหนะระดับหรูที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งความทุ่มเททั้งหมดของเราได้ถูกนำเสนอผ่านยนตกรรม ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรา”
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ทุกคัน ต้องผ่านการทดสอบสมรรถนะอย่างเข้มข้น ร่วมกับการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ด รวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลากหลายรูปแบบ
วันนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เปิดจองแล้วอย่างเป็นทางการ และกำหนดจัดจำหน่ายช่วงปลายปี 2555 ในตลาดกว่า 170 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ มีจัดจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ HSE, Vogue และ Autobiography ที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,499,000 บาท โดย บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและวางโครงสร้างในศูนย์พัฒนายานยนต์ของแลนด์โรเวอร์ในประเทศอังกฤษ และผลิตในโรงงานซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับสูงในเมืองโซลิฮัลล์ ซึ่งได้ลงทุนกว่า 370 ล้านยูโร ในการก่อสร้างโรงงานผลิตตัวถังอะลูมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อยานยนต์รุ่นนี้
ดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรู และสง่างามในทุกมุมมอง
รูปทรงที่เรียบหรูและภูมิฐานของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เกิดจากการตีความเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ผ่านทัศนะใหม่ เพี่อแสดงออกถึงวิวัฒนาการแห่งงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย หากยังคงความสง่างามในสไตล์ เรนจ์โรเวอร์ ไว้ทุกประการ
ด้วยความยาวของตัวรถที่น้อยกว่า 5 เมตร ทำให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่แลดูคล้ายคลึงกับยานยนต์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด หากพิจารณาในรายละเอียดจะสังเกตเห็นถึงลักษณะความลู่ลมและรูปทรงที่เพรียวบางกว่า ทั้งยังมีแนวหลังคาต่ำกว่าถึง 20 มม.ในการใช้งานแบบ Access Mode ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านต่ำสุดเพียง 0.34
การตกแต่งภายในเน้นความหรูหราทันสมัย ซึ่งผสมผสานกับสไตล์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและสง่างามด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่หนักแน่นมั่นคง เพิ่มความเนี้ยบด้วยการตกแต่งพื้นผิวภายในให้แลดูสะอาดตาและประณีต ด้วยเครื่องหนังชั้นดีและวีเนียร์คุณภาพสูง ห้องโดยสารด้านหลังยังเพิ่มพื้นที่ให้กว้างกว่าเดิมถึง 118 มม. โดยสามารถเลือกแพ็คเกจการตกแต่งแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ได้ตามต้องการ เพื่อเพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายสูงสุด
นอกจากนี้ ยังนำเสนอออพชั่นการตกแต่งอีกมากมาย ทั้งในเรื่องสี พื้นผิว และรายละเอียดชิ้นส่วนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ห้องโดยสารให้สวยงามเฉพาะตัวในรุ่น Autobiography ไปจนถึงอุปกรณ์ประดับยนต์อย่างล้ออัลลอยสุดหรู ที่มีให้เลือกขนาดใหญ่สุดถึง 22 นิ้ว เพื่อให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ สะท้อนบุคลิกอันโดดเด่นในแบบที่เป็นคุณมากที่สุด
รูปลักษณ์ที่สง่างามและสมรรถนะสูงสุดของ เรนจ์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและผลิตด้วยระบบวิศวกรรมชั้นเลิศอันล้ำสมัย โดยใช้โครงสร้างและตัวถังแบบใหม่ เพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโร้ดและเพิ่มความเสถียรในการวิ่งบนถนนทางเรียบทุกประเภท ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ จึงพร้อมเคียงข้างคุณไปในทุกเส้นทาง ด้วยภาพลักษณ์แห่งผู้นำที่จะสะกดทุกสายตา
หนึ่งในฟังก์ชั่นเพื่อการขับขี่ที่เขย่าวงการยานยนต์ระดับโลก คือระบบ Terrain Response® รุ่นใหม่จาก แลนด์โรเวอร์ ซึ่งจะทำการวิเคราะห์สภาพถนนและเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบตลอดเส้นทาง ระบบกันสะเทือนน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้มั่นคงสูงสุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมพวงมาลัยและความนุ่มนวลที่เหนือกว่า แม้ในสภาพถนนที่แสนทรหดและขรุขระที่สุด
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ทำงานด้วยระบบกล่องเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ (Transfer Box) แบบ 2 สปีด ซึ่งทำงานพร้อมกับระบบควบคุมแรงฉุดด้วยไฟฟ้าอันทรงประสิทธิภาพ จึงให้แรงฉุดลากและความมั่นคงเชิงกลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม
สมรรถนะการขับขี่ของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สื่อผ่านโครงสร้างที่บึกบึนมั่นคง ซึ่งถูกออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่เหมาะสมในการขับขี่ทุกสภาวะถนน โดยเฉพาะการเพิ่มระดับลุยน้ำลึก จาก 200 มม. ขึ้นถึง 900 มม. ทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กก. ถือเป็นยานยนต์ที่มีแรงลากจูงสูงสุดในคลาสเดียวกัน
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ทุกคัน ยังต้องผ่า%E

Honda BigWing เปิดตัวเป็นแห่งแรกในเอเชีย Kawasaki เปิดตัว 2013 Ninja 250R

ด้านโซนรถจักรยานยนต์ ปีนี้เป็นเวทีเปิดตัวบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ ที่น่าสนใจคือ HONDA “BIGWING” ศูนย์บิ๊กไบค์แห่งแรกในเอเชีย และ KAWASAKI ที่นำโมเดล 2013 “NINJA 250R” มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ส่วนอีกหลายแบรนด์ดังก็นำรถมาร่วมแสดงอย่างคึกคัก



Proton เปิดตัว Preve’ และ Exora Prime ในงาน Motor Expo 2012


บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Proton ในประเทศไทย นำเข้ารถยนต์ตัวใหม่ล่าสุด Proton Preve’ (โปรตอน เพรเว่) และ Proton Exora Prime เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้

ดาโต๊ะ ซรี ฮาจิ โมฮาหมัด คาเมล บิน จาเมล (Dato’ Sri Haji Mohd Khamil Bin Jamil) ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทโปรตอน ประเทศมาเลเซีย เปิดตัวรถยนต์ 2 รุ่นนี้ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ ร่วมกับ ดาโต๊ะ ลุคมัน อิบบราฮิม (Dato’ Lukman Ibrahim) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โปรตอน โฮลดิ้ง เบอฮาด และ มร. คลอเดียส เมย์เนิสร์ (Mr.Claudius Meynert) กรรมการผู้จัดการบริษัท โปรตอน มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และคุณธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการบริหาร บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Proton ในประเทศไทย
การเปิดตัวรถยนต์ Proton Preve’ (โปรตอน เพรเว่) ยนตรกรรมระดับโลก นิยามความสง่างามแห่งสุนทรียภาพการขับขี่ และ Proton Exora Prime อีกระดับของความหรูหรากับรถยนต์อเนกประสงค์ 6 ที่นั่ง
ดาโต๊ะ ซรี ฮาจิ โมฮาหมัด คาเมล บิน จาเมล (Dato’ Sri Haji Mohd Khamil Bin Jamil) กล่าวว่ารถยนต์ใหม่ทั้ง 2 รุ่น คือ Preve’ และ Exora Prime ได้รวมจุดเด่นและรูปลักษณ์ที่รวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งในเรื่องสมรรถนะและความปลอดภัย ความสะดวกสบาย รวมทั้งเทคโนโลยี และคุณภาพในการประกอบ รวมทั้งการออกแบบและตกแต่งที่สวยงามทั้งภายนอกและภายใน
ในเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ทาง Proton ได้เปิดตัว Preve’ ที่ประเทศออสเตรเลีย และเปิดตัววันนี้ที่ประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตอกย้ำในแบรนด์ของ Proton ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและเลือกที่จะเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะในตลาดสำคัญ เช่นประเทศไทย เป้าหมายที่สูงสุดของเรา คือการสร้างสรรค์ให้รถยนต์ Proton เป็นรถยนต์ระดับโลก Proton เป็น 1 ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกที่มีการแข่งขันรุนแรงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
ประเทศไทยเป็นตลาดที่ Proton สนใจมากที่สุด ภายใน 5 ปีที่ผ่านมา Proton ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า รถยนต์ Proton สามารถติดอันดับ 1 ใน 10 ของรถที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย
เพรเว่ (Preve’: Pray-vay) เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษ ให้ความหมายเดียวกับคำว่า “Prove” ซึ่งหมายถึง “การพิสูจน์” และ ในวันนี้โปรตอนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความสำเร็จจากความมุ่ง มั่นอย่างแน่วแน่ ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีสำหรับนวตกรรมยานยนต์เพื่อมวลชน
Proton Preve’ มีจำหน่าย 3 รุ่นคือ Standard, Executive และ Premium ทุกรุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์รุ่นใหม่ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ โดยในรุ่น Standard และ Executive ใช้เครื่องยนต์รหัส CAMPRO IAFM+ ให้กำลังสูงสุดที่ 109 แรงม้า ที่ 5750 รอบต่อนาที ส่วนในรุ่น Premium ใช้เครื่องยนต์ CAMPRO CFE ( CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงถึง 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205นิวตัน –เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ช่วยประหยัดน้ำมัน อีกทั้งเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และการตอบสนองของรถยนต์มั่นคงแม่นยำยิ่งขึ้น ในขณะที่กำลังของเครื่องยนต์ไม่ลดลง
ภายนอกได้รับการออกแบบเส้นสายของตัวรถใหม่ทั้งหมดในสไตล์สปอร์ตซีดานโดดเด่นด้วยกระจังหน้าสไตล์ใหม่ผสานความสปอร์ตและความหรูหราไว้อย่างลงตัว มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยพวงมาลัยที่ตอบสนองได้รวดเร็วเท่าที่ใจต้องการ โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ มาพร้อมกับไฟ Day Time แบบ LED ดีไซน์ใหม่ กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ไฟตัดหมอก สะกดทุกสายตากับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 205/55R16 เบาะนั่งได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพียบพร้อมกับความปลอดภัยรอบด้านประกอบไปด้วย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยข้างเบาะโดยสารคู่หน้า ม่านถุงลม เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ Pre-tensioner ให้ความปลอดภัยสูง มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยช่วงล่างมาตรฐานในแบบเฉพาะของ Proton ทำให้สมรรถนะและการทรงตัวยอดเยี่ยม บังคับควบคุมได้ง่าย พร้อมระบบความปลอดภัยสูงสุด ระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brakeforce Distribution) ทำหน้าที่กระจายแรงเบรกระหว่างล้อคู่หน้าและหลังได้อย่างสมดุลและแม่นยำระบบควบคุมการทรงESC (Electronic Stability Control ) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวและหยุดรถได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาวะบนท้องถนน
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ให้ความสะดวกสบายในการเดินทาง เพิ่มความหรูหราด้วย พวงมาลัยหุ้มหนัง 3 ก้าน พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่น และ Paddle Shift (รุ่น Premium) โดดเด่นด้วยปุ่ม Push Start-Stop มาตรวัดเรือนไมล์แบบอนาล็อกทรงกลม 2 วง เว้นช่องตรงกลางให้กับหน้าจอดิสเพลย์ Smart Information Display system(SID) สามารถแสดงผล การใช้น้ำมันโดยเฉลี่ย คุณภาพแบตเตอรี่ และแสดงไฟเตือน สัญญาณการล็อคเกียร์ ไฟเตือนเมื่อจอด โดดเด่นทุกมุมมอง อ่านข้อมูลได้ง่ายในทุกสภาพแสง ซึ่งมาพร้อมชุดเครื่องเสียงวิทยุ CD/MP3 พร้อมช่องเสียบ USB/I Pod และยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth หน้าจอ LED ที่เชื่อมต่อระบบ GPS ระบบปรับอากาศ Auto เบาะนั่งออกแบบให้นั่งสบายมากขึ้นกว่าเดิม เบาะหลังสามารถพับแยก 60:40 เพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการเก็บสัมภาระได้มากยิ่งขึ้น
Proton Preve’ เป็นรถโมเดลแรกที่ได้รับคะแนนห้าดาวจากโครงการประเมิน ยานยนต์แห่งมาเลเซีย (Malaysian Vehicle Assessment Programme -MyVAP) โดยสถาบันความปลอดภัยของท้องถนนแห่งมาเลเซีย (Malaysian Institute of Road Safety -MIROS) พร้อมทั้งใบรับรองที่ได้มอบอย่างเป็นทางการแก่โปรตอนในงานเปิดตัว โดยศาสตราจารย์ ดร. วอง เชา วูน (Wong Shaw Voon ) ผู้อำนวยการของ MIROS
Proton Preve’ มีให้เลือก 4 สี ได้แก่
• สีน้ำเงิน(Blue Lagoon)
• สีดำ(Tranquility Black)
• สีขาว(Solid White)
• สีเงิน(Genetic Sliver)
เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้นกับรถยนต์ Proton Preve’ ด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ด้วยบริการ “Proton 24 Hour We Care” บริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง (Roadsite Assistance) บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ (Medical Assist) บริการเลขานุการส่วนตัว (Concierge Service)
Proton Exora Prime อีกระดับของความหรูหรากับรถยนต์อเนกประสงค์ 6 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส แคมโปร CFE ( CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จเจอร์และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,000 รอบต่อนาที ทำให้สมรรถนะของเครื่องยนต์เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เพิ่มพลังในการเร่งแซงได้มากขึ้น ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ช่วยประหยัดน้ำมัน อีกทั้งเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และการตอบสนองของรถยนต์มั่นคงแม่นยำยิ่งขึ้น ในขณะที่กำลังของเครื่องยนต์ไม่ลดลง
ภายนอกออกแบบสะดุดตาด้วยกันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต พร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว สีพิเศษ โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าแบบสปอร์ต ไฟท้ายแบบรมดำ กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ไฟตัดหมอกหลัง แผงครอบใต้กันชนหลัง มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยช่วงล่างมาตรฐานในแบบเฉพาะของ Proton ทำให้สมรรถนะและการทรงตัวยอดเยี่ยม บังคับควบคุมได้ง่าย พร้อมระบบความปลอดภัยสูงสุด ระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake force Distribution) ทำหน้าที่กระจายแรงเบรกระหว่างล้อคู่หน้าและหลังได้อย่างสมดุลและแม่นยำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหยุดรถได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาวะบนท้องถนน
สำหรับห้องโดยสารภายในออกแบบเป็นพิเศษสวยงามหรูหราด้วยเบาะหนังทูโทน
ลายใหม่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ 6 ที่นั่ง รวมทั้งแผงประตูด้านข้าง พนักวางแขนแถวที่ 1 และ 2 แบบพับได้ พร้อมด้วยแผงควบคุมกลางและแผงเกียร์ทำด้วยไม้วอลนัท แผงช่องแอร์ รวมทั้งสวิตซ์ควบคุมการทำงานของประตูและที่จับประตูรถด้านในเป็นสีทองเมทัลลิค เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบแยกอิสระ พร้อมพนักวางแขน ปรับเลื่อนหน้า-หลังได้ พร้อมทั้งจอ LCD แบบสัมผัส ขนาด 7” พร้อม USB AUX และช่องต่อหูฟังที่หมอนพิงศีรษะที่นั่งแถวหน้า พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มด้วยหนัง เพลิดเพลินไปกับทุกการเดินทางด้วยอุปกรณ์ให้ความบันเทิงด้วยวิทยุ DVD จอ LCD แบบสัมผัสขนาด 6.2” พร้อม Bluetooth, USB, SD-Card ได้ และนอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทางด้วยดาวเทียม กล้องมองภาพขณะถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ( Cruise Control System) และนอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ถุงลมนิรภัยคู่หน้า เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติช่วยเพิ่มความปลอดภัยหากเกิดการชนกระแทก กระจกไฟฟ้า เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้ และระบบปรับอากาศพร้อมชุดปรับแรงลมส่วนหลังและช่องลมสำหรับที่นั่งแถวที่ 2 และ 3
เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้นกับรถยนต์ Proton Exora Prime ด้วยการรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ด้วยบริการ “Proton 24 Hour We Care” บริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง (Roadsite Assistance) บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ (Medical Assist) บริการเลขานุการส่วนตัว (Concierge Service)
รุ่นแบบราคา (บาท)
Gen2 1.6High LineA/T629,000
Preve' 1.6StandardM/T625,000
Preve' 1.6StandardA/T CVT655,000
Preve' 1.6ExecutiveM/T665,000
Preve' 1.6ExecutiveA/T CVT695,000
Preve' 1.6PremiumCVT CFE759,000
Exora 1.6Base LineM/T664,000
Exora 1.6Base LineA/T704,000
Exora 1.6Medium LineM/T749,000
Exora 1.6Medium LineA/T789,000
Exora 1.6High LineA/T CVT879,000
Exora Prime 1.6A/T CVT919,000

Subaru ลุยงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ขนทัพรถหรูเปิดตัว พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษ


ซูบารุ เดินหน้าลุยงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ขนทัพรถหรูอวดโฉมพร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจลูกค้าที่จองรถในงาน คาดยอดขายตลอดงานไม่ต่ำกว่า 300 คัน ขณะเดียวกันเตรียมจัดกิจกรรมแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012” ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม 2555 ณ ลานกิจกรรม P9 เมืองทองธานี

นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และกลุ่มบริษัท มอเตอร์อิมเมจ ได้ปรับเปลี่ยนชื่อจากบริษัท มอเตอร์ อิมเมจ (ประเทศไทย) จำกัด เป็น บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากต้องการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ให้เห็นถึงการลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มบริษัทฯ (บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเมืองไทย ซึ่งประกอบด้วย Brand ชั้นนำต่างๆ เช่น SUBARU, FUSO, MAN ,FOTON, CHANGAN, TCIS เป็นต้น)
พร้อมกันนี้ บริษัท ฯ ได้เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือ “The 29th Thailand International Motor Expo 2012” ที่บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ A02 ชาเลนเจอร์ฮอล์ 1 ซึ่งในงานนี้บริษัทฯได้เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี โดยได้นำรถหรูรุ่นใหม่มาเปิดตัวและรับจองเอาใจบรรดาคนรักรถให้เลือกกันในงานหลายรุ่น ซึ่งโปรดักซ์ไฮไลท์ในปีนี้คือ SUBARU XV 2.0i PREMIUM รถครอสส์โอเวอร์เจเนอเรชันใหม่ ราคา 1,350,000 บาท รวมทั้งสุดยอดรถสปอร์ตที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากทั่วโลกอย่าง SUBARU BRZ 2.0 Premium ราคา 2,760,000 บาท
นอกจากนี้ยังมี Subaru รุ่น Forester 2.0XS ราคา 1,890,000 บาท, Outback 2.5i ราคา 2,590,000 บาท, Legacy 2.5GT Sedan ราคา 3,950,000 บาท, WRX STI 2.5 ราคา 3,950,000 บาท จัดแสดงและจำหน่ายภายในงานอีกด้วย
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสุดให้กับลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ซูบารุทุกรุ่นภายในงานนี้เท่านั้น คาดว่ายอดจองรถยนต์จะสูงถึง 300 คัน โดยเฉพาะ SUBARU XV 2.0i PREMIUM เนื่องจากเป็นโปรดักซ์ไฮไลท์ที่มีลูกค้าสอบถามเข้ามาเป็นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012” โดยนักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษชื่อดังระดับโลก เจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิร์ล เรคคอร์ด ถึง 3 สถิติ “ รัสส์ สวิฟท์” ที่บินตรงมาโชว์การแสดงระดับโลก โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมและสัมผัสความเร้าใจกับการแสดงดังกล่าวได้ ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม 2555 โดยมี 4 รอบต่อวัน เวลา 13.00 น. / 15.00 น. / 17.00น. และ 19.00 น. ณ ลาน P9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
พิเศษ บริษัทฯ ได้ร่วมกับคณะผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ในการจัดกิจกรรม “ซื้อรถชิงรถ” โดยประชาชนที่จอง หรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน และร่วมลงทะเบียน จะได้หมายเลขชิงรางวัล เพื่อร่วมลุ้นรางวัลใหญ่ รถยนต์ SUBARU XV 2.0i PREMIUM มูลค่า 1,350,000 บาท จำนวน 1 คัน

เปิดตัว “Subaru Angel” พร้อมปฎิบัติภารกิจในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29

บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการ เปิดตัว “Subaru Angel” ที่มาปฎิบัติภารกิจในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 “The 29th Thailand International Motor Expo 2012” ที่บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ A02 ชาเลนเจอร์ฮอล์ 1 เพื่อสร้างสีสันและบรรยากาศภายในบูทให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

Tata โชว์ MegaPixel concept ครั้งแรกในเอเชีย พร้อมเปิดตัว Xenon Max CNG


กรุงเทพฯ – ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ฉลอง 5 ปี นำ ซิตี้คาร์ คอนเซ็ปต์ ทาทา เมกาพิกเซล โชว์โฉมครั้งแรกในเอเชีย ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 29 พร้อมเปิดตัวกระบะพาณิชย์รุ่นใหม่ ทาทา ซีนอน แม็กซ์ ซีเอ็นจึ คุ้มค่าคุ้มราคายิ่งกว่าเดิม ขณะที่ ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ที่เพิ่งลงตลาด 2 รุ่นรวดเมื่อเร็วๆ นี้ ก็พร้อมมาให้เลือกสรรความคุ้มค่าในการใช้งานร่วมกับรถกระบะพาณิชย์ของทาทาอีกหลากหลายรุ่น ในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2012

เมกาพิกเซลโชว์โฉมครั้งแรกในเอเชีย
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นปีที่ 5 ลงทุนนำรถ ทาทา เมกาพิกเซล (TATA Megapixel) ซิตี้คาร์ คอนเซ็ปต์ พลังงานไฟฟ้า แบบ 4 ที่นั่ง มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่ เมกาพิกเซล ยานยนต์แห่งอนาคตมาโชว์โฉมในทวีปเอเชีย ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2555 นี้
ทาทา เมกาพิกเซล เป็นคอนเซปต์คาร์ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี ลิเธียมไอออน ที่ทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันเบนซิน ในการชาร์จกำลังไฟเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ เมกาพิกเซล สามารถใช้งานได้ในระยะทางมากกว่า 900 กิโลเมตร จากน้ำมันเพียง 1 ถัง และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยค่าไอเสียเพียง 22 กรัมต่อกิโลเมตร และมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 100 กิโลเมตรต่อลิตร
จุดเด่นของ ทาทา เมกาพิกเซล คือ ความเป็นรถซิตี้คาร์ที่มีความคล่องตัวสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองใหญ่ๆทั่วโลก ที่มีการจราจรหนาแน่น มีปริมาณรถมาก การจอดรถหรือกลับรถทำได้ลำบาก ซึ่ง ทาทา เมกาพิกเซล ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ซีโร่เทิร์น” (Zero Turn) มีระบบขับเคลื่อนควบคุมทั้ง 4 ล้อ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแยกอิสระสำหรับแต่ละล้อ ทำให้เมกาพิกเซลมีรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 2.8 เมตร หรือสามารถเลี้ยวกลับรถได้ง่ายบนถนนเพียง 1 เลน หรือ การเข้าจอดแบบจอดเทียบก็จะสามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วเนื่องจาก ล้อทั้ง 4 สามารถบังคับเลี้ยวทำมุม “ที่ 0 องศา” จากแนว 90 องศาของล้อรถ พร้อมระบบนำร่องช่วยเหลือในการจอด ทำให้เมกาพิกเซลสามารถใช้ด้านข้างของรถเทียบจอดไปหาแนวบาทวิถีได้ทันที โดยไม่ต้องเดินหน้า-ถอยหลัง ซึ่งนั่นเป็นที่มาของคำว่า “ซีโร่ เทิร์น” ที่ทำให้ เมกาพิกเซลมีความคล่องตัวสูงมาก
นอกจากนี้ ทาทา เมกาพิกเซล ยังพรั่งพร้อมด้วยการออกแบบและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งการออกแบบที่ผสมผสานความภูมิฐานเฉพาะตัวทั้งสีสัน กราฟฟิก หรือวัสดุในการประกอบต่างๆ กับความงดงามและทันสมัยในระดับสากล หลังคาแบบพาโนรามิค ช่วยเพิ่มมุมมองภายในห้องโดยสารให้ดูกว้างขวางมากยิ่งขึ้นส่วนประตูเลื่อนแบบ Double-sliding ที่แนบไปกับด้านข้างตัวรถ ทำให้การเข้าออกตัวรถของ ทาทา เมกาพิเซล เป็นไปอย่างง่ายดายสะดวกสบาย พร้อมให้ทัศนวิสัยที่เหนือกว่า
ที่สำคัญ เมกาพิกเซล ยังได้รับการออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าควบคู่ไปกับการใช้งานรถยนต์ได้มากขึ้นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น จากแผงคอนโซลที่ออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในรถ พร้อมจอภาพแบบทัชสกรีนขนาดใหญ่ที่เป็นเสมือนแผงหน้าปัด และศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์ ฟังก์ชั่น หรือเช็คข้อมูลต่างๆ ของรถ เช่น อุณหภูมิ ระบบปรับอากาศ รูปแบบการขับขี่ หรือ ข้อมูลสมรรถนะของรถ
กระบะพาณิชย์ใหม่สุดคุ้ม “ซีนอน แม็กซ์ ซีเอ็นจี”
นอกจาก ทาทา เมกาพิกเซล ที่มาโชว์โฉมเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและทวีปเอเชียแล้ว ทาง ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังใช้เวที มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 29 นี้ แสดงจุดยืนที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและมั่นคง พร้อมพัฒนาคุณภาพในทุกๆ ด้านรวมไปถึงสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาสนองการใช้งานอันหลากหลายรูปแบบของลูกค้าในประเทศ ด้วยการเปิดตัว รถกระบะเพื่อการพาณิชย์รุ่นใหม่ล่าสุด
ทาทา ซีนอน แม็กซ์ ซีเอ็นจี (Xenon MaxCNG) กระบะแบบตอนครึ่ง เครื่องยนต์ “ซีเอ็นจีพลัส” ขนาด 2.1 ลิตร เป็นเครื่องซีเอ็นจี 100% ทั้งระบบ ที่มีความทนทานมากขึ้นและนำเสนอความคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น หลังจากเมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ทาทา มอเตอร์ส ส่ง ซีนอน แม็กซ์แค็บ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตรลงตลาดและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ทาทา ซีนอน แม็กซ์ ซีเอ็นจี ยังมาพร้อมกับถังบรรจุก๊าซซีเอ็นจี 3 ถัง รวม 199 ลิตร ที่สามารถวิ่งได้ในระยะทางมากกว่า 350 กิโลเมตร จากการบรรจุก๊าซเต็มทั้ง 3 ถัง ใน 1 ครั้ง ซึ่งทำให้ ทาทา ซีนอน แม็กซ์ ซีเอ็นจี เป็นรถที่ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น ทั้งจาก การเป็นกระบะพื้นเรียบที่บรรทุกสินค้าในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มความจุ ความสะดวกรวดเร็วในการขนถ่ายสินค้าจากฝากระบะที่เปิดได้ทั้ง 3 ด้าน อัตราสิ้นเปลืองและค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงมีราคาต่ำ ประหยัดเวลาในการเดินทาง ขนส่ง ไม่ต้องเสียเวลาในการแวะเติมก๊าซซีเอ็นจีบ่อยครั้ง ทำรอบในการขนส่งได้มากขึ้น นั่นจึงทำให้ ทาทา ซีนอน แม็กซ์ ซีเอ็นจี เป็นคำตอบของความคุ้มค่าคุ้มราคายิ่งขึ้นอย่างแท้จริง และจากการเป็นกระบะแบบตอนครึ่ง ที่สามารถขนคนขนของได้มากขึ้น ทำให้ ซีนอน แม็กซ์ซีเอ็นจี มีความอเนกประสงค์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเป็นใช้ดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้า การนำไปใช้งานช่าง งานค้าขาย ธุรกิจขนาดย่อม หรือ นำไปใช้เป็นรถครอบครัว ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดหรือว่างเว้นจากการทำงาน
ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ดีไซน์สำหรับใช้งานหนัก
ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมีรถกระบะเพื่อการพาณิชย์สำหรับงานหนัก มาให้ลูกค้าเลือกใช้งานอีก 2 รุ่น คือ ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ (Xenon Giant Heavy Duty)เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 140 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมให้แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร อย่างต่อเนื่องแบบ flat torque ที่รอบต่ำตั้งแต่ 1,700-2,700 รอบ/นาที พร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ ทาทา ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจี พลัส (Xenon Heavy Duty CNG+) เครื่องยนต์ซีเอ็นจีพลัส 2.1 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 101 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 161 นิวตันเมตร ที่ 3,750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
ทาทา ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้ง 2 รุ่น มีความทนทานต่อการใช้งานหนัก จากการติดตั้งเพลาหลังบรรทุกหนักแบบ เฮฟวี่ ดิวตี้ พร้อมแหนบบรรทุก 9 ชั้น ทำให้ ทาทา ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส เป็นรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ที่ตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแท้จริงในการนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ ที่นอกจากจะให้ความแข็งแรงทนทานมากกว่าโดยไม่ต้องนำไปดัดแปลงชิ้นส่วนเองแล้ว ยังเป็นกระบะพื้นเรียบที่ไม่ติดซุ้มล้อ เพิ่มความสามารถในการบรรทุกได้มากยิ่งขึ้น จึงทำรอบได้ดีและประหยัดยิ่งกว่า และในรุ่น เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส ที่ใช้เชื้อเพลิงราคาถูกอย่างก๊าซซีเอ็นจี ทำให้ ทาทา ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคาที่เหนือใคร
ทาทา ซีนอน เฮฟวี่ดิวตี้ ทั้ง 2 รุ่น ได้รับการออกแบบจากโรงงาน ให้มีมาตรฐานเหมาะสมสำหรับการใช้งานหนัก ทำให้ไม่เกิดปัญหาต่างๆ ดังกล่าว และมีค่าบำรุงรักษาต่ำ เนื่องจากอุปกรณ์ทุกชิ้นได้รับการออกแบบให้รองรับการใช้งานหนักและยังคงสมรรถนะในการขับขี่ที่ปลอดภัย และยังให้การรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
ทาทาจัดเต็มขนรถพาณิชย์หลากรุ่นให้เลือกใช้งาน
ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังพร้อมนำรถเพื่อการพาณิชย์หลากหลายรุ่นหลากหลายรูปแบบ มาให้ลูกค้าได้เลือกชมภายในงาน ไม่ว่าจะเป็น ทาทา ซีนอน แม็กซ์แค็บ (Xenon MaxCab) เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากเปิดตัวไปเมื่อปลายที่ผ่านมา หรือ รถเพื่อการพาณิชย์ยอดนิยมอย่าง ทาทา ไจแอนท์ ซูเปอร์เอซ (Giant Super ACE) เครื่องยนต์ดีเซล 1.4 ลิตร กระบะอเนกประสงค์ ทาทา ซีนอน ทั้งแบบ ตอนครึ่งและสองตอน และรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่อย่าง รถหัวลาก ทาทา โนวัส (TATA Novus) ที่ได้รับความสนใจจากธุรกิจขนส่ง อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงกระบะเพื่อการพาณิชย์ของทาทา ที่ถูกนำไปติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อความเหมาะสมในการนำไปใช้งานดำเนินธุรกิจจากการนำไปติดตั้งไฮดรอลิกยกกระบะ เพื่อความสะดวกในการเทสินค้า เช่น หิน ทราย ฯลฯ
รุ่นและราคา
Single Cab Giant Heavy Duty CNG 569,000 บาท
Single Cab Giant Heavy Duty DLE 519,000 บาท
Single Cab Giant DLE 499,000 บาท
Super ACE 356,000 บาท
MaxCNG 564,000 บาท
MaxCab 504,000 บาท
X-Tend Cab CNG* 559,000 บาท
X-Tend Cab DLS* 564,000 บาท
Double Cab DLS* 629,000 บาท
หมายเหตุ: 1. ราคาดังกล่าวเป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
2. *สีเทาเงินเพิ่มราคาอีก 7,000 บาท

เผยภาพ 2013 Toyota RAV4 SUV หลุดอีกแล้วว่อนอินเตอร์เน็ต


หลังจากที่รถอย่าง 2013 Toyota RAV4 SUV นั้นไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปหลังจากมีการเปิดเผยภาพทั้งภายนอกและภายในของตัวรถเมื่อไม่นานมานี้นั้น ล่าสุดก็ได้มีภาพหลุดชุดที่สองออกมาเผยแพร่เพิ่มเติมแล้วในโลกอินเตอร์เน็ต

ในวันนี้เองนั้นพวกเราจะได้เห็นรุปภาพหลุดชุดใหม่ของรถแบบ ompact crossover ของ Toyota คันนี้ซึ่งจะมาเป็นคู่แข่งของรถในแบบเดียวกันอย่าง Honda CRVFord Escape (Kuga ในยุโรป) และ Subaru Forester ในการแข่งขันตลาดระดับโลก
สำหรับเจ้า RAV4 รุ่นใหม่นั้นจะเพิ่มรูปทรงที่กะทัดรัดและทันสมัยให้มากขึ้นกว่าเดิมจากทางทีมออกแบบล่าสุดของทาง Toyota เช่นเดียวกันกับพวก Camry และ JDM Auris series
สำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของเจ้า 2013 RAV4 นั้นยังไม่มีการเปิดเผยใดๆออกมามากนักแต่เราคาดการณ์ว่าค่ายรถดังจากญี่ปุ่นรายนี้นั้นจะทำการรอให้ถึงงาน 2012 Los Angeles Auto Show นี้ก่อนจึงจะค่อยตัดสินใจทีหลัง